The official emblem for His Majesty the King's 6th Cycle Birthday Anniversary Celebrations, 5 December 1999 Welcome to Kanchanapisek Network Kanchanapisek Network logo


ENGLISH VERSION
หน้าแรก
พระราชประวัติ
พระราชพิธีกาญจนาภิเษก
พระราชกรณียกิจ
โครงการพระราชดำริ
พระราชดำรัส
พระราชอัจฉริยภาพ
เพลงพระราชนิพนธ์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
สยามบรมราชกุมารี

หน่วยงาน
ในเครือข่ายกาญจนาภิเษก

หน่วยงานที่ร่วมเสนอผลงาน
เกี่ยวกับเครือข่ายกาญจนาภิเษก
ความรู้เพื่อคนไทย
Site map
Milestones
Feedback

Main Banner

พระราชดำรัส
พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
วันอาทิตย์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘
(ฉบับไม่เป็นทางการ)

VIDEO

ขอขอบใจนายกรัฐมนตรี ที่ได้กล่าวอวยพรในโอกาสที่จะถึงวันเกิดพรุ่งนี้ เข้าใจว่าจะทำให้ทุกคนในที่นี้ และนอกที่นี้ มีกำลังใจ ว่านายกฯ พูดดี ก็ไม่ทราบว่าที่ชมนายกฯ ว่าพูดดี อาจมีคนไม่เห็นด้วย ที่มาพูดนี้เป็นความเดือดร้อนกับตัวเอง ถ้าชมนายกฯ คนอื่นอาจไม่ชม ไม่ชมข้าพเจ้าว่า ชมนายกฯ ทำไม แต่นายกฯ มีอยู่ไว้สำหรับให้ชม คือถ้ามีนายกฯ แล้วไม่ชม นายกฯ ก็ไม่ค่อยพอใจ และถ้านายกฯ ไม่พอใจ งานการจะไปได้อย่างไร ต้องชมนายกฯ ชมนายกฯ ว่าพูดดี เพราะถือว่านายกฯ พูดดี เพราะมาชมเรา

เป็นของธรรมดาที่ทุกคนชอบให้เขาชม เขาไม่ชอบให้ติ ข้าพเจ้าเองก็ได้ติคนอยู่เรื่อยๆ เขาก็ไม่พอใจ แม้ไม่ติคน บางทีเขาประกาศในหนังสือพิมพ์ พระเจ้าอยู่หัวฯ ติคนนู้นคนนี้ แท้จริงไม่เคยติใครเท่าไร บอกว่าเท่าไร เพราะถ้าจะติ แต่ไม่ได้พูดออกมาโจ่งแจ้งว่าติ คนเราถ้าอยู่ในที่แจ้ง ในที่คนเห็นมากๆ ย่อมถูกติได้ง่ายๆ เพราะคนเห็นมาก ถ้าเห็นมากแล้วเราทำอะไรก็ไม่มีดี ถ้ามีดีก็มีไม่ดีมาก

แต่ถ้าสมมติว่า ถ้าดีมากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ดีบ้าง คนเขาติ ถ้าเรารู้สึกไม่ดี มีการแสดงตนว่ารู้ว่าไม่ดีนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึก ถ้าเกิดความรู้สึก บางทีก็รู้สึกชื่นชม บางทีก็เคือง ถ้าผู้ที่ถูกเล็ง บางทีรู้สึกว่าถูกติเตียน และแสดงตัวว่า เข้าใจว่าถูกแล้วเขาติเตียนเรา เราไม่พอใจก็เสียหาย ทำให้ส่วนรวมทั้งหมดปั่นป่วน พูดแค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าพูดมากกว่า จะทำให้เกิดเรื่องยุ่ง

แต่ว่าวันนี้ตั้งใจจะพูดอะไร ที่ไม่พาดพิงใครเลย ไม่ติเตียนใครเลย เพราะการติเตียนใคร พาดพิงใครก็เกิดความไม่สบายใจ แต่ที่เห็นอยู่ข้างหน้ามีคนที่พูด ก็คงรู้ว่าใครพูด มีคนพูดว่าข้าพเจ้าไม่ดี พระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่ดี ทำอะไรผิด แต่เขาต้องแสดงออกมาว่า พระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่ผิด ผิดไม่ได้ เป็นตามความจริงในระบอบประชาธิปไตย ในระบอบรัฐธรรมนูญ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พระเจ้าอยู่หัวฯ ผิดไม่ได้ เขาพูดอย่างนั้น The King can do no wrong

เหมือนท่านองคมนตรีชอบพูดว่า กษัตริย์ผิด แต่เวลาบอกเดอะคิง บอกว่า The King can do no wrong ก็เป็นสิ่งที่ wrong แล้ว ก็เป็นสิ่งที่ผิดแล้ว ไม่ควรพูดอย่างนั้น ความจริงเวลาอ่านตำรากฎหมายรัฐธรรมนูญอังกฤษ มีตำราที่คนอ้างเสมอ และคนที่เรียนภาษาอังกฤษ เรียนกฎหมายอังกฤษต้องอ้างเสมอ เรื่อง The King can do no wrong และนักกฎหมายแถวนี้พยักหน้าว่าใช่

ความจริง The King can do no wrong คือ การดูถูกเดอะคิงอย่างมาก เพราะว่าเดอะคิงทำไม can do no wrong ไม่ได้ do wrong แสดงให้เห็นว่าเดอะคิงไม่ใช่คน แต่เดอะคิงทำ wrong ได้ สำคัญที่สุด ข้าพเจ้าเป็นเดอะคิง และเขาบอกว่า do no wrong เราก็เห็นด้วยกับเขา เพราะการทำอะไร ถ้าคนเราถือว่าต้องมีสติ คือ หมายความว่า รู้ว่าทำอะไร คิดอะไร และไม่ปล่อยให้ผิดออกมา ก็ไม่ผิด ผิดไม่ได้ อันนี้ก็เป็นการพูดว่าข้าพเจ้าเองไม่ผิด ไม่มีวันผิด ถ้าสมมติพูดผิดเพราะไม่รู้ แต่ผิดโดยรู้ว่าผิด การทำผิดโดยรู้ไม่ดี แต่บางทีไม่รู้เพราะว่าไม่มี ขอโทษนะ พูดไม่มีสติ ขาดสติ คือ ไม่ระวังตัว ทีหลังก็เสียใจ

เมื่อก่อน ก่อนจะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นคิง ก็เสียใจหลายครั้ง แต่ตอนเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วเป็นคิง คิงแบบไทยๆ ฝรั่งบอกเป็นเดอะคิง เข้าใจว่าน้อยครั้งที่ทำผิด เพราะระวัง ถ้าไม่ระวัง ป่านนี้ตายแล้ว ลำบาก ต้องระวัง ไม่ระวังก็ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เรียกว่าการเมือง หรือการอยู่ในสายตาของคน สายตาคนฆ่าได้ถ้าเราไม่ระวัง เราตาย ก็เลยถึงบอกได้ว่าทำไมการที่บอกว่า The King can do no wrong เพราะต้อง can do no wrong

ทุกคนก็มีฐานะอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าเดอะคิงเก่ง แต่ทุกคนก็มีส่วนเก่ง เพราะมีตำแหน่งรับ รับตำแหน่งสูง ได้รับเหรียญตรา และคนชี้คนๆ นี้สูงมาก มียศศักดิ์ เดอะคิงเป็นยศศักดิ์สูง แต่คนที่อยู่ในที่นี้ ยศศักดิ์ทั้งนั้น ไม่ระวังตัวก็ตายเหมือนกัน ถ้าไม่ระวัง ไม่ใช่คนที่นึกว่า คนนั้นเขาต้องตายแน่ เพราะไม่ระวัง ทุกคนตั้งแต่แถวแรกจนถึงแถวสุดท้าย จนหลังแถว จนถึงข้างนอก ทุกคนถ้าไม่ระวังก็มีอันตราย

ที่พูดอย่างนี้อาจแปลกๆ หน่อย นี่ก็หาว่าแช่ง จริงๆ ไม่แช่ง สงสาร เพราะถ้าไม่ระวัง เมืองไทยตาย เพราะฉะนั้นจึงขอร้องอย่างเดียวว่า มาวันนี้ให้ระวัง ๆ ระวังที่จะคิด จะพูด ที่ทำ เรื่องที่มี และก็บอกในหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ บอกว่า ที่เดอะคิงทำอะไร ก็ไม่วิจารณ์ และเขาบอกอย่าวิจารณ์ เพราะว่าเราทำอะไรไป ก็ต้องรู้ว่าเขาเห็นดี ไม่ดี ถ้าไม่พูด ก็หาว่าทำดีแล้ว

แต่แท้จริง ที่พูด ที่ออกข่าว ให้สัมภาษณ์บอกว่าอย่าไปวิจารณ์เดอะคิง ต้องบอกว่า อย่าไปวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว เพราะว่าไม่ควร ในรัฐธรรมนูญก็มีอยู่ว่าละเมิดมิได้ นักกฎหมายก็พยักหน้าอีกแล้วว่าถูกต้อง ว่าไม่ควรจะวิจารณ์ วิจารณ์ไม่ได้ ละเมิดไม่ได้ แต่ว่าถ้าพูดว่าพระเจ้าอยู่หัวทำถูก พูดถูก ไม่ใช่ละเมิด เป็นการถ้าพูดภาษาอังกฤษก็ approve พระเจ้าอยู่หัว เห็นชอบด้วย

แต่ไม่เคยมีใครมาบอกเห็นชอบว่า พระเจ้าอยู่หัวพูดดี พูดถูก แต่ว่าความจริง ก็จะต้องวิจารณ์บ้างเหมือนกัน แล้วก็ไม่กลัว ถ้าใครจะวิจารณ์ว่าทำไม่ดีตรงนั้นๆ จะได้รู้ เพราะว่าถ้าบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไปวิจารณ์ท่านไม่ได้ ก็หมายความว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่เป็นคน ไม่วิจารณ์ เราก็กลัวเหมือนกัน ถ้าบอกไม่วิจารณ์ แปลว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ดี รู้ได้อย่างไร

ถ้าเขาบอกว่า ไม่ให้วิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว เพราะพระเจ้าอยู่หัวดีมาก ไม่ใช่อย่างนั้น บางคนอยู่ในสมองว่า พระเจ้าอยู่หัวพูดชอบกล พูดประหลาดๆ ถ้าขอเปิดเผยว่าวิจารณ์ตัวเองได้ ว่าบางทีก็อาจจะผิด แต่ให้รู้ว่าผิด ถ้าเขาบอกว่าวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวว่าผิด งั้นขอทราบว่าผิดตรงไหน ถ้าไม่ทราบ เดือดร้อน ฉะนั้น ก็ที่บอกว่าการวิจารณ์ เรียกว่าละเมิดพระมหากษัตริย์ ละเมิด ให้ละเมิดได้ แต่ถ้าเขาละเมิดผิด เขาก็ถูกประชาชนบอม คือ เป็นเรื่องของขอให้รู้ว่าเขาวิจารณ์อย่างไร ถ้าเขาวิจารณ์ถูกไม่ว่า แต่ถ้าเขาวิจารณ์ผิดไม่ดี

แต่เมื่อบอกว่า ไม่ให้วิจารณ์ ไม่ให้ละเมิด ไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญว่าอย่างนั้น ก็ลงท้าย ก็เลยพระมหากษัตริย์ก็เลยลำบากแย่ อยู่ในฐานะลำบาก ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าไม่ให้วิจารณ์ก็หมายความว่า พระเจ้าอยู่หัวนี่ ก็ต้องวิจารณ์ ต้องละเมิด แล้วไม่ให้ละเมิด พระเจ้าอยู่หัวเสีย พระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไม่ดี ซึ่งถ้าคนไทยด้วยกันก็ยังไม่กล้า สองไม่เอ็นดูพระเจ้าอยู่หัว ไม่อยากละเมิด แต่มีฝ่ายชาวต่างประเทศ มีบ่อยๆ ละเมิดพระเจ้าอยู่หัว ละเมิดเดอะคิง แล้วก็หัวเราะเยาะว่าเดอะคิงของไทยแลนด์ พวกคนไทยทั้งหลายนี่ เป็นคนแย่ ละเมิดไม่ได้ ในที่สุดถ้าละเมิดไม่ได้ก็เป็นคนเสีย เป็นคนที่เสีย

ฉะนั้น ก็บางโอกาสขอให้ละเมิด จะได้รู้กันว่าใครดี ใครไม่ดี นี่พูดเลยเถิด พูดมากไป แต่ว่าคนที่อยู่ข้างหน้านี่ ไม่ต้องกลัว เพราะว่าไม่ได้มีความผิด คนที่นึกว่ามีความผิดพยักหน้า พยักหน้าว่ามีความผิดจริงๆ ความจริงเขาไม่มีความผิด คนที่มาก่อนน่ะมีความผิด แล้วกลัวคนที่พยักหน้าเนี่ยไม่ได้แก้ไข นี่ผิดตรงนี้ ไม่ได้แก้ไข หลบความรับผิดชอบ มันเป็นอย่างนั้น ในเมืองไทยนี่ คนไหนที่ทำอะไรไม่เข้าร่องเข้ารอยก็ลาออก ลาออกแล้วไม่มีอะไรผิดเลย แม้จะทำอะไรผิดอย่างมากๆ

ถ้าเป็นข้าราชการ ก็เรียกเข้ากระทรวง เข้ากรุงเทพฯ แล้วก็หมดเรื่อง นานๆ ทีมีเข้าคุก นี่พูดอย่างนี้ชักจะหนัก ใช้คำว่าเรียกเข้ากรุงเทพฯ หรือเข้าคุก แต่มีที่เกิดเรื่องเข้าคุก แต่อย่างไรก็ตาม เข้าคุกแล้ว ถ้าเป็นการละเมิดพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์เองเดือดร้อน เดือดร้อนหลายทาง ทางหนึ่ง ต่างประเทศเขาบอกว่าเมืองไทยนี่ พูดวิจารณ์พระมหากษัตริย์ไม่ได้ ว่าวิจารณ์ไม่ได้ก็เข้าคุก มีที่เข้าคุก เดือดร้อนพระมหากษัตริย์ ต้องบอกว่าเข้าคุกแล้วต้องให้อภัย ที่เขาด่าเราอย่างหนัก ฝรั่งเขาบอกว่าในเมืองไทยนี่ พระมหากษัตริย์ถูกด่า ต้องเข้าคุก

ที่จริงควรเข้าคุก แต่เพราะฝรั่งบอกอย่างนั้น ก็ไม่ให้เข้า ไม่มีใครกล้าเอาคนที่ด่าพระมหากษัตริย์เข้าคุก เพราะพระมหากษัตริย์เดือดร้อน เขาหาว่าพระมหากษัตริย์เป็นคนที่ไม่ดี อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นคนที่จั๊กจี้ ใครว่าไรซักนิด ก็บอกให้เข้าคุก ที่จริงพระมหากษัตริย์ไม่เคยบอกให้เข้าคุก ตั้งแต่สมัยรัชกาลก่อนๆ เป็นกบฏ ก็ยังไม่จับใส่คุก ไม่ลงโทษ รัชกาลที่ 6 ท่านไม่ลงโทษ ไม่ได้ลงโทษผู้ที่เป็นกบฏ มาจนถึงต่อมา รัชกาลที่ 9 ใครเป็นกบฏ ก็ไม่เคยมีแท้ๆ ที่จริงก็ทำแบบเดียวกันไม่ให้เข้าคุก ให้ปล่อย หรือถ้าเข้าคุกแล้วก็ให้ปล่อย ถ้าไม่เข้าก็ไม่ฟ้อง เพราะเดือดร้อนผู้ที่ถูกด่า เป็นคนเดือดร้อน

อย่างที่คนที่ละเมิดพระมหากษัตริย์ และถูกทำโทษไม่ใช่คนนั้นเดือดร้อน พระมหากษัตริย์เดือดร้อน นี่ก็แปลก คราวนี้นักกฎหมายก็ชอบให้ฟ้อง ให้จับเข้าคุก อันนี้นักกฎหมายก็สอนนายกฯ ว่าต้องฟ้อง ต้องลงโทษ ก็สอนนายกฯ ว่าใครบอกว่าให้ลงโทษ อย่าลงโทษเขา ลงโทษไม่ดี ลงท้ายไม่ใช่นายกฯ เดือดร้อน แต่พระมหากษัตริย์เดือดร้อน อาจจะอยากให้พระมหากษัตริย์เดือดร้อน ไม่รู้นะ เขาทำผิด เขาด่าพระมหากษัตริย์ เพื่อให้พระมหากษัตริย์เดือดร้อน และเดือดร้อนจริงๆ เพราะใครมาด่าเราชอบไหม ไม่ชอบ

แต่ถ้านายกฯ เกิดให้ลงโทษ แย่เลย แล้วนักกฎหมายต้องการให้ลงโทษคนที่ด่าพระมหากษัตริย์ ทำไป ทำมา เอาวะ เขาด่านายกฯ ถ้าด่านายกฯ นายกฯ เดือดร้อนไหม ไม่ควรเดือดร้อน แต่ถ้าด่านายกฯ พระมหากษัตริย์ก็ไม่เดือดร้อน เพราะว่าเป็นเรื่องนายกฯ แต่ถ้าเขาด่าพระมหากษัตริย์ นายกฯ เดือดร้อน เพราะต้องเป็นคนจัดการ ยุ่งอย่างนี้ กฎหมายก็สอนนายกฯ มาอย่างนั้น สอนว่าใคร ใครด่าเรา เราต้องด่าเขา นี่พูดชักจะไม่ดี ชักจะเป็นส่วนตัว เราเองก็ไม่ขอบอกว่าควรจะทำอะไร ควรรู้

นักกฎหมายต้องรู้ว่าอะไรถูกผิด ไม่ต้องพูดทุกวันๆ แต่เขาทำเทป ทำซีดีไว้ และแจกทั่วให้ คนฟังดู เขาเอือมกัน ที่ไปแก้ตัวแทนนายกฯ วันนี้เราขึ้นมานี้ เราแก้ตัวแทนนายกฯ บอกว่านายกฯ ไม่ผิด นายกฯ ทำได้ทุกอย่าง ก็ไม่ต้องไปออกทีวีแล้ว ไปออกทีวีทุกวันๆ มีคนเขาบอกว่าเอือมที่ออก แต่มีหน้าที่ที่ออกก็ออก มีคนที่เขาเดือดร้อน ที่อยู่ใน ในรายการ เพราะเขาเป็นคนที่ต้องพูด และก็คนที่พูดก็เลยถูกลูกหลงไปด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม การแก้ตัวครั้งเดียว เอาได้ แต่นี่แก้ตัวเท่าไร สิบครั้งแล้วนะ ที่ออกทีวี คนเลยชักเอือม คนอยากดูละคร มาดูอย่างนี้ พอแล้วเสียไฟฟ้า ไม่ใช่เสียไฟฟ้าของคนที่ดู แต่เสียไฟฟ้าคนที่ส่ง ทีวีออกทีไฟฟ้าก็แรงเหมือนกัน เสียน้ำมัน นี่ก็เลยนึกว่าควรพูดพอแล้ว นี่ที่พูดก็เสียไฟฟ้ามาก เขาเลยบอกว่าเลิกซะที ไม่ต้องพูดมาก แต่เราก็พูดต่อเพราะเป็นรายการที่อัดเสียงไว้ ใส่เทปไว้ ไม่ได้ออกโทรทัศน์ ไม่ต้องเสียไฟฟ้าสำหรับโทรทัศน์

มาพูดถึงไฟฟ้าและพลังงาน ไฟฟ้าและพลังงานนี่ การไฟฟ้าต้องใช้พลังงาน เพราะว่าสำหรับปั่นไฟฟ้า ต้องใช้พลังงานเพื่อให้มีพลังงานไฟฟ้า อันนี้ทำมานานแล้ว เวลาขาดแคลนเชื้อเพลิงก็บอกว่า ให้ปิดโทรทัศน์ ให้ปิดโทรทัศน ให้ปิดไฟ และบอกว่าได้ผลดี ความจริงเปิดโทรทัศน์นี้ไม่เป็นไร ถ้าน้ำมันเชื้อเพลิงหมดแล้ว ก็ใช้เชื้อเพลิงอย่างอื่นได้ มีแต่ต้องขยัน หาวิธีที่ทำให้เชื้อเพลิงเกิดใหม่ เชื้อเพลิงที่เรียกว่าน้ำมันนั้นมันจะหมด ภายในไม่กี่ปีหรือไม่กี่สิบปีก็หมด ถ้าว่าไปสี่สิบปีหมด เราก็จะอายุร้อยสิบแปด

ร้อยสิบแปดนี่ เรายังมีชีวิตอีกสองปี สองปีก็ใช้แก๊สโซฮอล์ หรือไม่ใช้แก๊สโซฮอล์ แก๊สโซฮอล์นี่ก็ไม่มี เพราะแก๊สโซฮอล์ ใส่แอลกอฮอล์เพียง 10% อย่างมาก ต้องใช้ ต้องใช้น้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์มเขาก็ใส่เพียง 10% ระหว่างที่จะถึงอายุร้อยสิบแปดหาวิธีได้แล้ว ที่จริงเมื่อสองปีก็ทำ ทำไบโอดีเซล โดยใช้น้ำมันปาล์ม 100% ไม่ใช่ ไม่ใช่เพียงน้ำมันปาล์ม 10% นายกฯ ก็ได้เห็นรถแล่นมา น้ำมันปาล์ม 100%

เรายืนอยู่ที่รถคันหนึ่ง แล้วก็ เสร็จแล้วก็มีรถอีกคันหนึ่งถอยหลังมา ได้ยินเสียงบึมๆ นั่นน่ะ นั่นอะไร รถดีเซล รถใช้น้ำมันดีเซล 100% 100% น้ำมันปาล์ม แล้วก็นายกฯ ก็บอกว่าหอมดี แล้วก็ถามว่าหอมดีแล้วไม่เดือดร้อน เพราะว่านายกฯ ไม่ต้องกลัวเป็นแคนเซอร์ เพราะว่าไอ้นี่ไม่เป็นมะเร็ง เราทำแล้วก็หมายความว่าเราไม่เดือดร้อน ถึงเวลาเราอายุร้อยสิบแปด ถ้าอย่างไรเราก็ใช้น้ำมันปาล์มของเราเอง คนอื่นอาจจะไม่ได้ คนอื่นอาจจะไม่มี แต่ว่าเรามี เพราะเราขวนขวาย ขวนขวายหาวิธีที่จะทำเชื้อเพลิงทดแทนได้

ถ้าไม่ได้ทำเชื้อเพลิงทดแทน เราก็เดือดร้อน แล้วก็เป็นห่วง แต่เราไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าคนอื่นเขาไม่ทำ เขาอาจจะไม่มีน้ำมันไบโอดีเซลใช้ แต่วาเรามี เราคือข้าพเจ้า ทำเอง คนอื่นอาจจะไม่มี ก็ไม่เป็นไร ต้องเห็นแก่ตัว แต่ละคนถ้าเห็นแก่ตัว ก็รู้ว่าไม่เป็นไร เพราะแต่ละคนก็ต้องพยายามที่จะหาพลังงานทดแทนทั้งนั้น เราเชื่อว่าเวลาเราอายุร้อยสิบแปด นายกฯ ก็บอกว่าแก่แล้ว แต่เราไม่แก่ เพราะเราคิดทำพลังงานทดแทนอยู่เรื่อย

แต่นายกฯ บอกแก่ จะถึงอายุเท่าไหร่ 90 อายุ 94 96 นายกฯ จะอายุ 96 อ้าว 94 ก็ไม่รู้ล่ะ 94 อาจจะแข็งแรงก็ได้ คงแข็งแรงครึกครื้น อาจจะมีความคิดที่จะสร้างโรงงานก๊าซโซฮอล์ และไบโอดีเซลสำเร็จแล้ว ก็นายกฯ ก็ไม่เดือดร้อน เอาไบโอดีเซลใส่เครื่องบินได้ เครื่องบินเขาใช้ไบโอดีเซลได้แล้วสมัยนี้ แต่ลำไม่ใช่โตๆ แต่เวลานั้นอาจจะทำใส่ลำโตๆ สำหรับนายกฯ ได้ อาจจะสามารถที่จะมี แต่ว่าเฉพาะนายกฯ คนอื่นไม่สามารถที่จะมี ก็สองคนล่ะ พระเจ้าอยู่หัวกับนายกฯ มีเครื่องบินใช้ แล้วใช้ไบโอดีเซล

ท่านองคมนตรีสั่น ท่านองคมนตรสั่นหัวว่าไม่มี เวลานั้นท่านอายุเท่าไหร่ 130 มั้ง ก็คงไม่อยู่แล้ว เราก็อยู่สองคน มีไบโอดีเซลใช้ แล้วจะไปไหน จะไปเชียงใหม่ ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินที่สุวรรณภูมิ แล้วไปเชียงใหม่ ไปเชียงใหม่ ไปดูสวนสัตว์ ก็สวนสัตว์ก็อยู่สบาย เพราะเขาไม่ต้องใช้ไบโอดีเซล ก็เป็นอันว่าไม่ต้องกลัว เราไม่เดือดร้อน เพราะว่าอีกสี่สิบปี อีกสี่สิบปี มีไบโอดีเซลพอสำหรับเราใช้สองคน

ก็อย่างไรก็ตามที่นี่ชักเฟื่อง พูดว่าเราอีกสี่สิบปี เราจะมีสองคนที่มีพลังงานน้ำมันใช้ได้ แล้วดูทีวีได้ ดูทีวีก็อาจจะโฆษณาอะไรในทีวี ประกาศชี้แจง นายกฯ ก็ชี้แจงได้ เพราะว่าเปิดทีวีให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาปั่นไฟฟ้า แต่ป่านนั้นทีวีก็อาจจะมีอะไรใหม่ แล้วก็อาจจะมีข่าวต่างๆ กัน ฉะนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วง ที่นี้ก็ต้องดูเป็นบุคคลๆ การที่จะบอกว่าเป็นห่วง เป็นห่วงทั้งบ้านเมือง ก็เป็นห่วง แต่ว่าถ้าเราคิดจริงๆ ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะแต่ละคนเขาก็ต้องมีการขวนขวายเหมือนกัน

เป็นอันว่าถ้าแต่ละคนขวนขวายของตัว อีกสี่สิบปี ไม่มีความเดือดร้อน โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยนี่ มีคนที่มีความคิดดีๆ ก็คนหนึ่ง ข้าพเจ้าคนหนึ่งมีความคิดดีๆ แล้วก็นายกฯ อีกคนหนึ่ง มีความคิดดีๆ ไม่จนมุม ฉะนั้นก็สองคนเดือดร้อน ไม่เดือดร้อน คนอื่นเขาก็ต้องไม่เดือดร้อน ของเขาก็ต้องหาทางออกได้ เพราะว่าถ้าเดือดร้อนก็ไปดูโครงการพระราชดำริ

โครงการพระราชดำรินี่ เปิดเผยให้ทุกคนได้ทั้งนั้น แล้วก็ถ้าปฏิบัติตามโครงการพระราชดำริ ทำอย่างเศรษฐกิจพอเพียง นี่ก็ตอนนี้ นายกฯ ก็เศรษฐกิจพอเพียง ไม่จ่ายเงิน ไม่ค่อยจ่ายเงินแล้ว ใช้แต่เศรษฐกิจพอเพียง เพราะว่ามีการโฆษณาคู่สมรส ของคณะรัฐมนตรี ก็ชำนิชำนาญในเศรษฐกิจพอเพียงเก่งมาก นี่ก็อีกคนที่ทำได้ ก็เลยไม่ต้องห่วง ไม่ทราบว่าคู่สมรสขององคมนตรีจะทำเศรษฐกิจพอเพียงหรือเปล่า สงสัยว่าไม่ ไม่ทำ

แต่ยังไงก็ตาม อย่างนี้เปิดให้ความกว้างขวางของเศรษฐกิจดีขึ้น ถ้ารองนายกฯ ทั้งหลายก็อาจไม่ทำ เพราะเคยชินกับเศรษฐกิจ ที่ต้องใช้เงินมาก ไม่ใช่เศรษฐกิจพอเพียง ไม่พอเพียง ถ้างั้นก็ นายกฯ อาจจะไป นายกฯ และคุณหญิงก็อาจจะให้เพื่อนนายกฯ รองนายกฯ ต่างๆ ทำเศรษฐกิจพอเพียงนิดหน่อย ก็จะทำให้อีกสี่สิบปีประเทศชาติไปได้ แต่นี่ก็มีแต่นายกฯ รองนายกฯ จัดการ รวมทั้งคู่สมรส ทำเศรษฐกิจพอเพียง ก็เชื่อว่าประเทศจะประหยัดได้เยอะเหมือนกัน

คือถ้าไม่ประหยัดประเทศไปไม่ได้ คนอื่นไม่ประหยัด สำหรับคณะรัฐมนตรีประหยัด คณะรองนายกฯ จะทำให้ไปได้ดีเยอะ นี่มามอง สภาฯ เป็นยังไง ก็สภาฯ ด้วยเหมือนกัน อยากทำสภาฯ เป็นอาจารย์นายกฯ ก็นายกฯ สอนครูหน่อย ว่าเศรษฐกิจพอเพียงทำยังไง สอนครูคนเดียวพอแล้ว เพราะว่าครูเขาก็ไปสอนคนอื่น ต่อไปก็ฝ่ายค้าน ฝ่ายค้านไม่ต้องสอน เขาพอเพียงอยู่แล้ว

ฝ่ายค้านนี่ หัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่ทราบพอเพียงหรือเปล่า แต่อดีตหัวหน้าพรรคนี่พอเพียงมากๆ เขาทำอะไรที่ เขาทำอะไรที่ประเทศชาติใช้เงินนิดเดียวไม่พอ เขาถึงต้องออก เลยไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะพอเพียงหรือไม่ แต่อย่างน้อยอดีตหัวหน้าพรรคก็พอเพียงมาก จนกระทั่งต้องออกจากหัวหน้าพรรค นอกจากนั้นก็ ถ้าทุกคนเลื่อมใสต้องพอเพียงก็ปฏิบัติเถิด เพราะถ้าปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียง มันใช้ได้จริงๆ ไปได้จริงๆ แต่ว่าอาจจะไม่ค่อยสบาย ทุกอย่างที่นายกฯ พูดมา ก็มาพูด ไม่ได้แต่งเอา

นายกฯ พูด ที่พระเจ้าอยู่หัวฯ พูดอะไร ทำอะไรถูกต้อง ชื่นชมว่าพระเจ้าอยู่หัวฯ ทำให้ประเทศชาติอยู่ได้ เช่นเดียวกับแก้มลิง แก้มลิงเมื่อครั้งก่อน พูดถึงแก้มลิงคนก็หัวเราะ เดี๋ยวนี้ไม่หัวเราะแล้ว เพราะว่าลิงต้องมีแก้ม ถ้าลิงไม่มีแก้มเขาอยู่ไม่ได้ คนเราต้องมีแก้ม แต่แก้มคนเป็นแก้มลิงได้ คือ ต้องระวังรักษา อะไรที่กล้วยเข้าไปเก็บไว้ได้ เป็นการประหยัด จะพูดอะไรก็เก็บไว้ในแก้ม เก็บไว้ในแก้มก็ได้ ก็ประหยัด แก้มลิงเป็นการประหยัด

แล้วโครงการอะไรอย่างอื่นที่พูด อย่างฝายแม้ว กับฝ่ายนายกฯ ฝ่ายนายกฯ นายกฯ ไปดูฝายแม้ว คราวนี้ฝายเรานี่ เราทำก็ฝายแม้ว ฝายแม้วนี่เดี๋ยวนี้ซาบซึ้งรึเปล่ามีประโยชน์อะไร คือ มีประโยชน์ทำให้ไม่มีน้ำท่วม ไม่มีน้ำแล้ง ตอนนี้น้ำท่วมเชียงใหม่ นายกฯ เดือดร้อน โกรธมาก ทำไมมีฝายแม้ว ทำไมน้ำยังท่วม ก็เพราะฝายแม้วทำไม่ถูกต้อง ทำไม่ดี ปล่อยน้ำลงมาผิดทาง

ที่จริงที่ไปดูที่กุยบุรี นั่นน่ะ ก็ไปขยายเขื่อนที่กุยบุรีที่ยังชุ่ม นั่นนะเคราะห์ดีไปทำ แล้วก็โครงการพระราชดำริอันนี้ ถ้าไม่ได้ทำ ถ้าทำตามชลประทานทำ ป่านนี้ก็ไม่เสร็จ ถ้าไม่เสร็จน้ำท่วมแล้ว ปีนี้ที่ไม่ท่วมกุยบุรี และประจวบคีรีขันธ์ท่วมบ้าง แต่ไม่ขึ้นมาถึงหัวหิน เพราะเขื่อนกุยบุรี เขื่อนกุยบุรีทำไมขยายได้ ขยายเก็บน้ำได้เก้าล้านลูกบาศก์เมตร

เพราะว่าเดี๋ยวนี้มีโครงการพระราชดำริ เราบอกทำเลย อธิบดีชลประทาน ทำยังไงต้องของงบประมาณ งบประมาณไม่ม ก็มีโครงการพระราชดำริ ก็เลยทำทันที แทนที่จะใช้เวลาสามปีก็เหลือใช้เวลาสองปี ทำงานได้ ที่เราไปดู ทำงานได้จริงๆ ถ้าไม่มีน้ำเก้าล้านลูกบาศก์เมตรเต็มแล้ว แต่น้ำมันก็ล้นมาปกติ ตามจำนวนปกติ เลยทำให้น้ำไม่ท่วม ถ้าเก้าล้านลูกบาศก์เมตร ฝนลงซู่ๆ มีหวังท่วม ท่วมทั้งด้านบน ท่วมทั้งด้านล่าง ก็ท่วมแล้ว

น้ำก็ทำลาย ถ้าเราทำโครงการที่ใช้งานได้เร็วๆ ประหยัดการท่วมของพื้นดิน และถ้าว่าไปประหยัดทรัพย์ ความจริงที่ใช้เงินตอนนั้น ใช้เงินร้อยล้านกว่าๆ เดี๋ยวนี้ก็กลับคืนมาแล้ว ถ้าไม่ได้ ไม่ได้ทำ น้ำที่มาท่วม ก็ทำลายร้อยล้าน ร้อยล้าน สำหรับคนที่พยักหน้า เขาไม่ร้อยล้านไม่ใช่อะไร ต้องพันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน แต่ร้อยล้านชาวบ้านเขารู้สึก ก็หมายความว่าร้อยล้านที่เอาจากโครงการพระราชดำริ กลับคืนมาแล้ว กลับมาไหน มาที่ประชาชน

ประชาชนเขาได้ ถ้าไม่ได้ใช้เงินนี้ ปีหน้าต้องใช้สองร้อยล้าน เพราะถ้าไม่ได้ใช้เงินทันที เงินมีอยู่ คนก็บอก บางทีไม่มี แต่เงินนะมี ในงบประมาณมี ถ้าไม่มี ก็หมายความว่างบประมาณทำไม่ถูก แต่อันนี้ร้อยล้านใช้ไป ใช้ดีแล้ว ใช้ถูกต้อง ไม่เสียหาย ทำให้ประชาชนได้กำไร ถ้าไม่ได้ใช้ไป ก็ไม่รู้ว่าใครใส่กระเป๋าไปไหน แต่ว่าประชาชนไม่ได้ เพราะฉะนั้น ที่ทำโครงการประหยัดไปหนึ่งปี ที่ไปดูเห็นประจักษ์ น้ำไหลออกมาจากเขื่อน ไม่ใช่พูดหลอก น้ำจริงๆ มันลงมาเต็มเขื่อน แทนที่จะเป็น 38 ล้านลูกบาศก์เมตร มันเป็น 40 กว่าล้านที่ลงมา

ทำให้น้ำลงมาเก็บ และล้นมาได้ เพราะน้ำนี่ได้ใช้ เวลาแล่นรถไป ข้างล่างก็เห็นก็ทำนาได้ นามีประโยชน์ เพราะข้าวไม่เสีย ข้าวได้ใช้ และถ้าจะเอาข้าวนี่ไปไปส่งนอก เราก็ได้เงิน ของแลกเปลี่ยนได้ ฉะนั้นโครงการร้อยล้านนี้ ทำดี และก็ช่างชลประทานมีความรู้พอที่จะทำ อันนี้ไม่ต้องอาศัยช่างจากต่างประเทศ ช่างในเมืองไทยนี่เอง และก็ใช้เครื่องมือในเมืองไทยนี่ได้

ก็เลยรู้สึกว่าปีนี้ ที่ได้เห็นการขยายโครงการกุยบุรีได้ผลจริงๆ ได้ไปดูก็ดีใจ พอใจ นี่ต้องรอที่ได้ไปดูโครงการชลประทานที่กุยบุรี ที่หมู่บ้านยางชุม เป็นโครงการที่ใช้งานได้ แล้วไม่ใช่ที่ยางชุมเท่านั้นเอง ข้างๆ มีการสร้างน้ำ เขื่อนที่กักน้ำ ได้ผลดี ยังต้องทำอีกมาก แต่เวลามาพูดกับสมาคมนี้ก็พูดถึงชลประทาน ก็ได้ผลดี แต่ค่อยๆ ทำ เพราะว่าไม่ใช่ไม่มีเงินเท่านั้นเอง เงินมันมีไม่พอ แต่ที่ที่จะทำไม่มี ถ้าจะทำต้องศึกษาให้ดี เพราะพระเจ้าอยู่หัวฯ บอกให้ทำอย่างนั้นๆ เสร็จแล้วก็ไม่มีหลักวิชาที่ดี อาจจะเสียก็ได้

แต่ว่าการที่จะทำ ต้องพยายามหาที่ทำ และใช้ความรู้ที่ถูกต้อง โครงการอย่างอื่นมีที่ต้องทำ ไม่เฉพาะชลประทาน แต่ว่าโดยที่เราเป็นผู้ที่เขาเรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ชลประทาน กล้าบอกที่จะทำ รู้สึก ใครคงง่วง เดี๋ยวนี้ชักมืดเร็ว ถ้าง่วงเดี๋ยวไปนอนได้ ก็รู้สึกว่าสมควรแก่เวลา ก็ขอขอบใจที่ท่านมาให้พร และก็ให้พรนี่ดี ถ้าไม่ให้พรก็ไม่รู้ว่าเราทำอะไร ถ้ามาให้พรเราก็มีกำลังใจที่จะทำงานต่างๆ แล้วก็ต้องให้พรทุกฝ่าย

ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ให้กำลังใจทำได้ดี แต่วันนี้ไม่พูดให้ทำอะไร ทะเลาะกันไม่เอา ไม่ให้ทะเลา ให้ทำอะไรที่ดูดี และคิดให้ อย่าเกิน อย่าเลยเถิด แต่ถ้าทุกคนทำงานให้เหมาะสม บ้านเมืองจะไปได้ ให้แต่ละคนไปได้ ไม่ใช่มีการหัวชนฝาจะทำอะไร ก็ขอให้แต่ละคนมีความสำเร็จพอสมควร เศรษฐกิจพอเพียง คือทำให้พอเพียง ถ้าไม่พอเพียงไปไม่ได้ แต่ถ้าพอเพียงสามารถนำพาประเทศไปได้ดี

ก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จพอเพียง เพื่อให้บ้านเมืองบรรลุความสำเร็จที่แท้จริง ก็ไม่รู้ คนที่รับพรก็รับไป คนที่ไม่รับพร ก็คิดในใจ ขอบใจที่ท่านทั้งหลายมาให้พร เรารับพรของท่าน

กลับสู่ หน้าดัชนีพระราชดำรัส


สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๔๒ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗
ห้ามนำข้อมูลของเครือข่ายนี้ ไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร