The official emblem for His Majesty the King's 6th Cycle Birthday Anniversary Celebrations, 5 December 1999 Welcome to Kanchanapisek Network Kanchanapisek Network logo


ENGLISH VERSION
หน้าแรก
พระราชประวัติ
พระราชพิธีกาญจนาภิเษก
พระราชกรณียกิจ
โครงการพระราชดำริ
พระราชดำรัส
พระราชอัจฉริยภาพ
เพลงพระราชนิพนธ์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
สยามบรมราชกุมารี

หน่วยงาน
ในเครือข่ายกาญจนาภิเษก

หน่วยงานที่ร่วมเสนอผลงาน
เกี่ยวกับเครือข่ายกาญจนาภิเษก
ความรู้เพื่อคนไทย
Site map
Milestones
Feedback

Main Banner

พระราชดำรัสของ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระราชทานแก่คณะบุคคล ที่มาเข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล
ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
(ฉบับไม่เป็นทางการ)
วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้แทนของประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ กล่าวอวยพรข้าพเจ้าในโอกาสวันเกิดครบ 73 ในวันนี้ ในพรุ่งนี้ และขอขอบคุณทุกท่าน ที่มาชุมนุมกันอยู่ ณ ที่นี้เพื่อร่วมอวยชัยให้พรแก่ข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน ข้าพเจ้ายังต้องขอขอบคุณไปถึงผู้ที่จัดงานบุญ งานกุศล จัดพิมพ์หนังสือ จัดรายการแสดงบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆ ตลอดจนผู้ที่ส่งจดหมายมาอวยพรเป็นจำนวนมาก

ข้าพเจ้าได้รับทราบแล้วด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ และความปรารถนาดีจากทุกๆ ท่าน พรที่ท่านทั้งหลายมอบให้ จะเป็นกำลังใจให้ข้าพเจ้าได้ทำงานช่วยเหลือประชาชนต่อไป ถึงแม้ว่าปีนี้จะย่างเข้าเป็นปีที่ 73 แล้วก็จะไม่ขอย่อท้อในการไปเยี่ยมเยียนดูแลทุกข์สุขของประชาชน แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

มีข่าวดีเรื่องหนึ่งก็คือเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมนี้เอง ดั่งท่านนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแล้ว ในสปีชของท่านนายกฯ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก WHO ได้มามอบรางวัลอาหารปลอดภัยแก่ข้าพเจ้า ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ที่ข้าพเจ้าว่าเป็นข่าวดีมิใช่เป็นเพราะข้าพเจ้าได้รับรางวัล แต่เป็นเพราะคงมีการเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับรางวัลอาหารปลอดภัยของประเทศไทย ซึ่งน่าจะเพิ่มความเชื่อถือคุณภาพอาหารไทยยิ่งขึ้น ในสายตาของชาวโลก

ข้าพเจ้าได้กล่าวต่อผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกไปว่า ข้าพเจ้ารับรางวัลนี้ในนามของทุกๆ ท่านที่ปฏิบัติงานด้านอาหารปลอดภัยในประเทศไทย จึงขอให้ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายจงภูมิใจที่ผลงานของท่าน เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก และขอให้รักษามาตรฐานความปลอดภัยของอาหารไทยไว้ให้ยั่งยืนนาน เพื่อสุขภาพของคนไทย และความไว้วางใจของชาวโลกตลอดไป

การจัดงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพที่สวนอัมพร ระหว่างวันที่ 15-31 กรกฎาคม ที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้ทราบว่า มีประชาชนมาอุดหนุนมากเช่นเคย ทุกคนก็คงเอาใจช่วยพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ ที่มีมานะบากบั่นประดิษฐ์งานฝีมือ ให้มีกำลังใจสร้างสรรค์งานต่อไป หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ทำงานศิลปาชีพเป็นเวลาหลายปี ได้เห็นความสามารถ ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนก็ตาม

คนไทยเราเป็นคนที่มีความสามารถ มีใจเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว มีมานะที่จะทำงาน เพื่อประโยชน์ของประเทศเป็นส่วนรวม และปีนี้ยังได้นำผลผลิตทางการเกษตรจากฟาร์มตัวอย่าง ซึ่งเดี๋ยวนี้มีถึง 22 แห่ง จากโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง 17 แห่ง โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ 4 แห่ง มาจำหน่ายด้วย

ที่ข้าพเจ้าเคยเล่าว่า รัฐบาลจีนได้มีไมตรีจิตให้หมูพันธุ์ชินหัว และเป็ดพันธุ์อี้เหลียง มาสนับสนุนโครงการฟาร์มตัวอย่างเมื่อปีก่อนๆ นั้น ทางเราก็รับมาเลี้ยงอย่างดี หมู และเป็ดขยายพันธุ์ได้มาก ทำรายได้ให้แก่สมาชิกในโครงการฟาร์มตัวอย่างเป็นที่น่าพอใจ ปีนี้หมูชินหัวได้กลายเป็นหมูแดดเดียว หมูตุ๋น ไส้กรอก แฮม และข้าวขาหมู ส่วนเป็ดอี้เหลียงก็กลายเป็นลาบเป็ด เป็ดพะโล้ เป็ดย่าง และเป็ดรมควัน เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังมีข้าวชนิดต่างๆ เช่น ข้าวหอมมะลิ และข้าวสังข์หยด สำหรับข้าวสังข์หยดนี้ ข้าพเจ้าเพิ่งได้ไปพบเข้าที่ จ.พัทลุง เมื่อ 2 ปีมาแล้ว และข้าพเจ้าก็ได้นำกลับมาที่พระตำหนักทักษิณฯ แล้วหุง พอดีกับท่านนายกรัฐมนตรี เมตตาไปเยี่ยมเยียนข้าพเจ้า และท่านนายกฯ ก็รับประทานข้าวสังข์หยด ซึ่งเป็นข้าวซ้อมมือ แล้วนายกฯ บอกว่าข้าวนี้อร่อย ทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจมาก และก็ประชาชนทั้งหลายก็มีความภาคภูมิใจ

นอกจากข้าวหอมมะลิ ก็ยังได้มีข้าวสังข์หยด สีแดงๆ มีผู้ช่วยคิดนำข้าวกล้องหลายชนิดมาผสมกัน เพื่อหุงเป็นข้าวชนิดใหม่ที่อร่อย และมีคุณประโยชน์มากขึ้น มีนมแพะ นมแพะนี่ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่า ดียิ่งกว่านมวัวอีก ไขมันอะไรก็น้อย ชั่วแต่ดั้งเดิม แต่โบราณนี่มีกลิ่นเหม็นเอาเรื่องเหมือนกัน ข้าพเจ้าโดนบังคับเมื่อตอนเด็กๆ คุณแม่บังคับให้รับประทานนม เพราะอยากให้ลูกได้แคลเซียม แต่มันเหม็นเหลือกำลัง

แต่เดี๋ยวนี้เขาว่ามีทางทำให้ไม่เหม็นเลย คือ ระหว่างที่ตัวเมีย เราจะต้องรีดนมเขา ก็อย่าให้พบเห็นตัวผู้เป็นอันขาด แล้วนมเขาจะไม่มีกลิ่น เขาว่าอย่างนั้นนะคะ แต่ยังไม่ได้ลองชิม ผักและผลไม้นานาชนิด ทั้งที่เป็นของสด และของแห้ง มีอาหารที่ปรุงจากผลิตผลอาหารปลอดสารพิษของโครงการต่างๆ มากมาย ข้าพเจ้ารู้สึกปลื้มใจ และขอขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยอุดหนุนไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้ง และขอขอบพระคุณที่รัฐบาล ที่ได้จัดตั้งสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมกิจการหม่อนไหมทั่วประเทศ และยังได้ช่วยอนุรักษ์พันธุ์ไหมไทยแท้ของเราด้วย ไหมไทยนั้นเป็นไหมที่สวยงามด้วยลักษณะพิเศษ ชาวต่างชาติบอกว่า ที่สวยนั้นเพราะไหมไทยมีประกายไม่มากเกินไป มีกำลังพอดี

ข้าพเจ้ารู้สึกถึงบุญคุณของมิสเตอร์จิม ทอมป์สัน ที่ช่วยแนะนำความงามของไหมไทยออกไปสู่สายตาชาวโลกเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ที่ข้าพเจ้าเริ่มโครงการทอผ้าไหมพื้นบ้านขึ้น เช่น ไหมมัดหมี่ แพรวา ขิด และจก ข้าพเจ้าเห็นว่าคนไทยของเราเป็นคนเก่งมาก เช่น ชาวอีสานนั้น แทบจะทุกบ้าน ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และทอผ้าไหมใช้เอง จึงเป็นที่น่ายินดีเป็นที่สุด ที่รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ช่วยสนับสนุน โดยจัดตั้งสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติขึ้น ข้าพเจ้าหวังว่าสถาบันนี้จะเป็นที่พึ่งของชาวบ้านผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และอุตสาหกรรมผ้าไหมของไทย ซึ่งต่อไปก็จะยิ่งนำรายได้เข้าประเทศอย่างมากต่อไป

สำหรับเรื่องข้าวนั้น ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม และคนไทยรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก ข้าวไทยมีหลายชนิด ล้วนแต่อร่อยและเป็นพลังงานที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มากกว่าพลังงานจากอาหารประเภทแป้งชนิดอื่น อย่างเช่น โอลิมปิก เดี๋ยวนี้ก็ประกาศแล้วว่า นักกีฬาทั้งหลายของโอลิมปิกจะต้องรับประทานข้าว เพราะข้าวเป็นอาหารแป้งที่ดีมาก และก็ไม่อ้วน ไม่เพิ่มน้ำหนัก

ดังนั้น สถาบันที่รัฐบาลจะจัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลเรื่องข้าว ก็คงจะเป็นที่พึ่งที่หวังของชาวนาได้ต่อไป ขอบพระคุณค่ะ ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นแทบจะทุกภูมิภาคของประเทศไทย นั่นคือภัยแล้ง ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่า ในฤดูแล้งที่แล้ว หลายพื้นที่ขาดแคลนน้ำ ทั้งในการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค เช่น ในภาคตะวันออก ภาคอีสาน และแม้แต่ในบางจังหวัดในภาคกลาง เป็นต้น ข้าพเจ้าจำได้ว่า เคยกล่าวไว้หลายครั้ง ถึงความสำคัญของน้ำว่า น้ำจืดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์ ยิ่งมนุษย์เกิดมากขึ้นทุกวัน น้ำจืดก็ยิ่งหายาก และกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องแย่งชิงกันมากขึ้น

ถ้าเราไม่กำหนดแนวทางบริหาร และจัดการน้ำให้ดี ปัญหาเรื่องน้ำจืดขาดแคลน ก็จะวนเวียนกลับมาทุกปี และทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าเพิ่งได้อ่านหนังสือพิเศษของทางสหรัฐอเมริกา และผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศทั้งหลาย เขาพูดถึงว่าปี ศตวรรษที่ 21 นี้ เรื่องน้ำ น้ำดื่ม น้ำใช้ น้ำจืด น่าจะเป็นเรื่องของศตวรรษนี้ ศตวรรษที่ 21 นี้ เพราะคนเกิดขึ้นมากมาย การใช้น้ำก็มากขึ้นทุกที แต่ดูว่าปัญหาเรื่องน้ำนี่จะไม่ใช่เป็นปัญหาในบ้านเราเท่านั้น แม้แต่ต่างประเทศ ต่างก็รวมตัวกัน และยกเรื่องนี้ เรื่องน้ำว่าเป็นปัญหาสำคัญของศตวรรษที่ 21

ที่น่าจะช่วยกันพิจารณาค้นคว้าว่าควรจะบริหารในเรื่องนี้อย่างไร จึงจะมีน้ำใช้ตลอดไป เราไม่ทราบเลยว่าฤดูฝนแต่ฤดูฝนจะมีฝนตกเท่าไหร่ ทั่วถึงทุกพื้นที่หรือไม่ เพราะเดี๋ยวนี้ป่าของเราหมดสิ้น แทบจะเรียกว่าหมดสิ้นไปแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะช่วยให้สนับสนุนให้มีน้ำนี่ก็น้อยเต็มประดา การใช้น้ำอย่างประหยัดโดยสม่ำเสมอจึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด และเมื่อต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำขึ้นมา เราจะได้ปรับตัวได้ง่ายไม่ลำบากเกินไป ข้าพเจ้าขอร้องให้พวกเราทุกคนช่วยกันถนอมรักษาน้ำจืด ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติไว้เพื่ออนาคตของลูกหลานไทยในภายภาคหน้า

อีกเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะ มีความชื่นอกชื่นใจเหลือเกิน คือ เรื่องโครงการปะการังเทียม ธรรมดาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้าไปเยี่ยมทุกภาคของประเทศไทยก็รู้สึกว่า ภาคใต้ที่ยังมีความยากจนอยู่ไม่ใช่น้อย เมื่อ 2 ปีมาแล้ว พระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่ได้เสด็จไปที่นราธิวาส ข้าพเจ้าก็ไปคนเดียว ประชาชนก็มาคอยดักพบแล้วบอกว่า ท่านเดี๋ยวนี้นะพวกเรายิ่งยากจนมากขึ้นทุกที เพราะว่าออกเรือออกไปในท้องทะเลหาปลา จะตกปลามาสำหรับรับประทาน และสำหรับขายก็ไม่มีปลา พวกเรามีแต่เรือชนิดที่เรียกว่าเล็กไม่ใช่เรือใหญ่ เป็นชาวประมงทั่วๆ ไปที่ยังยากจน

ข้าพเจ้าก็รู้สึกกลุ้มใจไม่ทราบว่าช่วยเหลือ เพราะว่าประชาชนมาดักพบ มาขอความช่วยเหลือด้วยตัวเอง เคราะห์ดีจำได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รับสั่งว่า ประเทศไทยมีนักวิชาการต่างๆ ที่เก่งมาก เก่งเหลือเกิน ข้าพเจ้าก็เลยเชิญนักวิชาการต่างๆ ตั้งแต่ปี 2546 มาร่วมกันพูดถึงว่า ทำยังไงจะให้ประมงเรือเล็กๆ ไม่ใช่เรือใหญ่ เขาไม่มีทุนพอที่จะมีเรือใหญ่ ก็มีเรือเล็กๆ นี่ ทำยังไงถึงจะให้เขาจับปลาได้ และขายปลา และได้มีปลารับประทาน เช่น ที่น้ำลึก 15 - 25 เมตร ข้าพเจ้าก็ซาบซึ้งมาก เพราะว่าได้พบกับผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการของไทยหลายคน ที่มาพบข้าพเจ้าและก็พูดกัน เช่น ดร.จรัญธาดา กรรณสูต รองอธิบดีกรมประมง ดร.ปลอดประสพ และพวกของข้าพเจ้าเอง มีท่านองคมนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

เราก็ประชุมกันว่าทำยังไงดี ทางประมงก็บอกว่า ลองดู ลองทรงทิ้งปะการังเทียมไป ซึ่งสามารถจะช่วยให้มีปลาในที่ตื้นๆ หน่อยหนึ่งได้ และตั้งแต่นั้นข้าพเจ้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากทุกหน่วย หลายหน่วยงาน บางหน่วยงานก็ให้รถไฟมา ที่ไม่ได้ใช้แล้ว แล้วก็เรือต่างๆ ที่เก่า ไม่ได้ใช้แล้ว ก็เอามาทำเป็นปะการังเทียม ลองทิ้งลงไป แล้วรองอธิบดีกรมประมง ก็ส่งเจ้าหน้าที่ประดาน้ำลงไปถ่ายภาพ หลังจากการทิ้งปะการังเทียมไปแล้วประมาณสักเกือบเดือน ก็ลองส่งเจ้าหน้าที่ประดาน้ำลงไปถ่ายภาพ ก็พบว่าปลานานาชนิดมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมากที่ปะการังเทียม

อันนี้ข้าพเจ้าไม่เคยทราบ ไม่เคยมีความรู้เลย เช่น ปลาช่อนทะเล ปลาเก๋า ปลากะพงชนิดต่างๆ นี่ข้าพเจ้าดูจากภาพยนตร์ที่นักประดาน้ำของเราไปถ่ายมา แล้ว ดร.จรัญธาดา ก็ปลื้มใจมากว่า ที่ได้เห็นปลากระทงแทง และปลาหมอทะเล ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยในชีวิต ทั้งๆ ที่ 70 กว่าแล้ว ปลากระทงแทง ปลาใหญ่ ใหญ่เท่ากับคน หนักประมาณ 100 กิโล

ดร.จรัญธาดา บอกว่า ปลานี่หายไปนานแล้ว คงจะไม่เข้ามาในบริเวณที่น้ำแค่ 15 - 25 เมตร แต่ตอนนี้กลับเข้ามา ปลาหมอทะเล ซึ่งเป็นปลาใหญ่มากทั้งสองชนิด น้ำหนักเป็น 100 กิโลกรัม ราษฎรก็มาหาข้าพเจ้า มาเล่าให้ฟังว่า จากที่ไม่สามารถจะจับปลาได้ และรายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว เดี๋ยวนี้จับปลาได้มาก มีรายได้เดือนละกว่า 10,000 บาท น่าปลื้มเป็นที่สุด

ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณรัฐบาล กรมประมง การรถไฟฯ ที่ช่วยเอาตู้รถไฟเก่าๆ ให้ข้าพเจ้าไปทิ้งในทะเล ปลามันเห็นเป็นอพาร์ตเมนต์สวยมาก มากันเต็ม มาแย่งกันเต็ม ประหลาดมากเลย เดี๋ยวนี้ที่ปลาแปลกๆ มากันเต็มก็กลาย เกิดกลายเป็นที่ว่ายน้ำ ที่นักว่ายน้ำต่างๆ นักประดาน้ำพากันลงไปดู เห็นปลาต่างๆ มากมายก่ายกอง อันนี้ที่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเพิ่งเรียนตอน 70 กว่า แต่ก่อนนี้ก็ไม่ทราบเลย ก็ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ สนับสนุน ทำให้ดำเนินงานช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบอาชีพประมงได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นคง ขอบพระคุณคะ

และต่อไปนี้ก็มีโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชนโยบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่หมู่บ้านรอตันบาตู โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง บ้านรอตันบาตูที่จังหวัดนราธิวาสนั้น ข้าพเจ้าได้นำเงินที่ท่านทั้งหลายมอบให้ข้าพเจ้าในโอกาสอายุครบ 72 ปี ไปจัดซื้อที่ดินจำนวน 707 ไร่ที่นราธิวาส และขอให้ทางหน่วยทหารศูนย์การศึกษาพัฒนาพิกุลทอง และส่วนราชการต่างๆ ช่วยข้าพเจ้าจัดสร้างบ้าน 150 หลัง เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของประชาชน ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจ ทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม ที่สูญเสียหัวหน้าครอบครัว เนื่องจากเหตุการณ์ที่เรียกว่าโดนฆ่า โดนฆ่ารายวัน ซึ่งเป็นเวลามา 2 ปีแล้ว

ข้าพเจ้าสงสารมาก เพราะว่าบางคนก็เป็นภรรยานายสิบที่เรียกว่า ยากจน และต้องมาสูญเสียหัวหน้าครอบครัว บางคนก็เป็นข้าราชการผู้น้อย เช่น ผู้ใหญ่บ้าน อะไรต่างๆ เมื่อสามีตาย เขาก็ไม่ทราบว่าจะอยู่อย่างไร เพราะว่าเป็นคนที่เรียกว่าไม่ได้มีวาสนา มีโอกาสที่จะเล่าเรียนได้มากๆ ก็เป็นคนยากคนจนธรรมดา จะประกอบอาชีพอย่างไรต่อไปก็ไม่ทราบอีก และยังถูกคุกคามอยู่ตลอดเวลา

ข้าพเจ้าจึงขอให้คณะทำงานของข้าพเจ้าซึ่งประกอบด้วย รองสมุหราชองครักษ์ แล้วก็ราชองครักษ์ต่างๆ และผู้เชี่ยวชาญ ที่ทำงานในกองราชเลขาของสมเด็จ ช่วยกันนั่งคิดว่าจะทำยังไง ก็เลยจัดสรรที่ดินที่ใช้เงินของท่าน ที่ให้ข้าพเจ้าไปให้ครอบครัวละ 2 ไร่ สำหรับปลูกบ้าน และทำการเกษตรในครัวเรือน เช่น เขาสามารถปลูกผัก เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา

และข้าพเจ้ายังจัดตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระราชนโยบาย คือ สร้างธนาคารข้าว แทนที่จะเป็นธนาคารเงินก็เป็นธนาคารข้าว ไว้ให้ยืมรับประทาน ไม่ให้มีเวลาขาดแคลน หรือกลัวว่าจะขาดแคลน นอกจากนั้นก็ให้สมาชิกในแต่ละครอบครัว สามารถไปรับจ้างทำงานในโครงการฟาร์มตัวอย่างของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเอาเงินที่ท่านทั้งหลายให้ข้าพเจ้าไปซื้อที่ และทำฟาร์มตัวอย่างขึ้น เพื่อจะสอนให้ประชาชนรู้จักเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงแพะ เลี้ยงแพะเนื้อ หรือเลี้ยงแพะนม เลี้ยงสัตว์ต่างๆ

หมายความว่าให้เขามีงานทำ ให้เขาได้รับค่าจ้าง ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ แล้วก็เดินเป็นกิโลๆ เพื่อไปรับจ้างตัดหญ้า ตัดอะไรอย่างนั้น อย่างนั้นไม่ไหว ไม่ดี ก็เลย โอกาสที่ท่านเมตตาเอาเงินมาบริจาค ข้าพเจ้าก็เลยไปซื้อที่ดิน และไปจัดการเหล่านี้ โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงกับฟาร์มตัวอย่าง บัดนี้ ทราบว่าสร้างบ้านเสร็จแล้วประมาณ 80 หลัง เป็นบ้านที่สวยงาม และก็ไม่แพงจนเกินไป เพราะปรากฏว่าเป็นโชคดีอีก ได้ความช่วยเหลือของทหารช่าง ทหารช่างช่วยสร้างให้

จุดมุ่งหมายของเราคือ แต่ละหมู่บ้าน ข้าพเจ้าอยากจะสร้างบ้านให้ชาวบ้านได้เข้าไปอาศัยอยู่ พวกแม่ม่าย พวกเสียชีวิตหัวหน้าครอบครัว ให้เข้าไปอยู่ ประมาณหมู่บ้านละ 150 หลังคา ข้าพเจ้าก็ต้องขอบพระคุณส่วนราชการต่างๆ เช่น กองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพบก หน่วยนาวิกโยธิน ที่ส่งช่างก่อสร้างไปช่วยสร้างบ้าน ขอขอบคุณกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกระทรวงเกษตรฯ และกองทัพเรือ ที่ให้ความเมตตา ร่วมบริจาคเงินสมทบในการสร้างบ้าน

ปัจจุบันมีผู้เข้าไปอยู่อาศัย ต่างได้รับความสุขสบาย เพราะนอกจากมีที่ดินทำกิน และมีผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ไปช่วยสอนวิธีเลี้ยงปลา วิธีทางด้านเกษตรกรรมด้วย ทางด้านเลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ดอะไรด้วย และก็ปลอดภัย เพราะว่ามีทหารของกองทัพบกคอยดูแลความปลอดภัย เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ทราบทางหนังสือพิมพ์ว่า คณะกรรมการอิสลามสากลที่เรียกว่า โอไอซี ได้เดินทางไปเยี่ยมโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง เพราะข้าพเจ้าไม่ได้เลือกเลยว่าจะต้องเป็นชาวพุทธเท่านั้นถึงจะช่วย ทั้งพุทธ ทั้งอิสลาม ถ้าแม้นได้รับความทุกข์ยากนี่ ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเสมอ เขาบอกว่าเขาปลื้มใจ และพอใจมาก

ไปชื่นชมกับโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และยังได้ไปพูดคุยกับครอบครัวชาวมุสลิม ที่ได้รับเลือกไปอาศัยอยู่ในบ้านนั้น คณะกรรมการอิสลามสากลกล่าวชมเชย ซึ่งข้าพเจ้าปลื้มที่สุด กล่าวชมเชยว่า ประเทศไทยเอาใจใส่ดูแลครอบครัวของชาวมุสลิมเป็นอย่างดี ทีนี้จะขอพูดเรื่องโครงการฟาร์มตัวอย่างที่ภาคใต้ ที่ได้พูดไปแล้วว่าข้าพเจ้าใช้เงิน ที่พวกท่านทั้งหลายมาบริจาคให้ข้าพเจ้าเนื่องในวันเกิด ไปดำเนินการซื้อที่ดิน แล้วก็สร้างบ้านให้ประชาชนที่ยากจน และเสียหัวหน้าครอบครัวไป

และข้าพเจ้าก็ขอให้คณะทำงานช่วยจัดตั้งฟาร์มตัวอย่างขึ้นในหลายอำเภอ เนื่องจากราษฎรได้มาปรับทุกข์ให้ข้าพเจ้าฟังว่า การทำมาหากินในปัจจุบันยากลำบากเหลือเกิน เพราะว่ามันไม่ค่อยจะปลอดภัย จะเดินทางไปทำมาค้าขาย รับจ้าง หรือกระทั่งไปกรีดยางในพื้นที่สวนยางของตัวเอง ซึ่งห่างจากบ้านไปเพียง 2 - 3 กิโลเมตร ก็ไม่ปลอดภัย เขาก็เลยไม่ไปไหน ข้าพเจ้าได้เริ่มโครงการฟาร์มตัวอย่าง แล้วรวบรวมราษฎรที่ไม่มีโอกาส ไม่มีงานทำ ให้มาทำงานร่วมกันในฟาร์ม และมีนายทหาร และราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านอาสา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ราษฎรที่ทำงานในฟาร์ม จะมีโอกาสได้เรียนรู้การทำเกษตรอย่างถูกหลักวิชาการ ไม่ใช้สารเคมี หรือยาฆ่าแมลง ช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยใช้ปุ๋ยชีวภาพ ทุกโครงการจะได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการต่างๆ เช่น กรมชลประทาน ช่วยจัดสร้างอ่างเก็บน้ำสำหรับใช้ในการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง

ข้าพเจ้าโชคดีได้รับความช่วยเหลือจากทุกกรมนี้ ส่งเจ้าหน้าที่มาให้ความรู้แก่ราษฎร เน้นการปฏิบัติให้เกิดความชำนาญ และสามารถนำไปขยายผลทำในพื้นที่ดินของตนเองได้ ปัจจุบันมีโครงการฟาร์มตัวอย่างที่จังหวัดนราธิวาส คือ หนึ่ง บ้านรอตันบาตู ที่โอไอซีไปเยี่ยมดู และบ้านโคกปาคาบือซาร์ อำเภอเมือง บ้านโคกโป บ้านโคกไร่ใหญ่ อำเภอสุไหงปาดี บ้านตอหลัง อำเภอระแงะ บ้านปาลูกากะปะ อำเภอแว้ง บ้านสะแนะ อำเภอรือเสาะ

ฟาร์มตัวอย่างที่จังหวัดปัตตานีก็คือ บ้านท่าข้าม อำเภอปะนาเระ บ้านแป้น ซึ่งยากจนมาก อำเภอสายบุรี บ้านลุตรง อำเภอแม่ลาน และในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีราษฎรชาวมุสลิม นำที่ดินมาขอให้ข้าพเจ้าช่วยทำโครงการฟาร์มตัวอย่างให้ด้วย ให้เขาดู ให้เขาสามารถจะรู้จักดูแลฟาร์มตัวอย่างของเขา โดยเป็นที่ดินซึ่งอยู่ใน อ.หนองจิก จำนวน 300 ไร่ และที่ อ.ยะหริ่ง นี่เรียกว่าเขามาขอเอง ขอความช่วยเหลือค่ะ จำนวน 800 ไร่

อีกปัญหาก็คือ ปัญหาการขาดแคลนพระสงฆ์ในภาคใต้ เพราะว่า ถึงแม้ข้าพเจ้าจะกลับมาแล้ว มาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ชาว 3 จังหวัดภาคใต้ก็บอกมาว่า ที่เป็นไทยพุทธก็ว่า เดี๋ยวนี้พระสงฆ์ในภาคใต้ไม่สามารถที่จะอยู่ได้ เช่น บางรูปออกบิณฑบาตใกล้ๆ วัดนั้นเองก็ถูกสะเก็ดระเบิด บางรูปก็ถูกกับระเบิด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้พระสงฆ์ไม่ได้รับความปลอดภัย ก็เลยอพยพไปอยู่นอกพื้นที่จำนวนมาก เป็นวัดร้างๆ เป็นแถวหมด

ข้าพเจ้าก็กลุ้มใจ เขาขอมา เขาบอกว่า ขอให้พระราชินีช่วยจัดพระลงไปอยู่กับพวกเขาหน่อยเถอะ เพื่อขวัญกำลังใจ หรืออย่างที่มี การบางอย่างเกี่ยวกับทางวัด แล้วไม่มีพระสงฆ์เหลือเลย วิสาขบูชา มาฆบูชา อะไรอย่างนี้ ประชาชนก็เลยว้าเหว่มาก ข้าพเจ้าไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ปรึกษาท่านอาจารย์ ก็มีท่านอาจารย์เด่น นันทิโย จากวัดป่าห้วยปลาหลด จ.ตาก

ข้าพเจ้าทราบว่าท่านอาจารย์เด่น เป็นอาจารย์ที่เรียกว่า สายท่านอาจารย์มั่นนี่เอง เป็นพระที่นับว่ายังหนุ่ม เพราะว่า 66 และท่านปฏิบัติอยู่แต่ในป่า เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่รู้จักของคนทั้งหลาย ขอให้ท่าน พร้อมด้วยลูกศิษย์ของท่าน ลงไปจำพรรษาที่ จ.นราธิวาส น้องสาวข้าพเจ้าก็เอะอะใหญ่ บอก พี่หริ ขืนพี่หริเอาพระดีๆ ไป เดี๋ยวก็ถูกฆ่าตายหมดล่ะ พี่หริอย่าทำอย่างนั้นนะ พวกหวงพระก็บ่นว่าฉันใหญ่ ฉันบอกว่าเปล่าหรอก นี่ท่านอาสาเอง และทางทหารอะไรก็จะช่วยดูแล ไม่ใช่เอาพระไปให้เขาฆ่าฟันเล่นหรอก

และก็ยังได้รับความเมตตาจากพระสุนทรธรรมธาดา รองเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย ท่านอาสาไปเอง ซึ่งท่านมีอายุถึง 73 ปี เท่าข้าพเจ้า ก็เลยบอกท่านอาสาที่จะไป และยังอาสานำคณะพระสงฆ์ไปจำพรรษาอยู่ที่ จ.นราธิวาส ด้วย ข่าวนี้ทำให้ประชาชนชาวพุทธมีขวัญ และกำลังใจดีขึ้น จะสังเกตได้จากวันอาสาฬหบูชาในปีนี้ ประชาชนมีการเวียนเทียนกันตามวัดมากขึ้น มีความสุขมากเลย เพื่ออำนวยความสะดวก ถ้าวันใดพระสงฆ์ไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ ข้าพเจ้าก็ขอให้ราษฎร และทหารที่รักษาความปลอดภัย มาช่วยกันทำอาหารถวายพระ ช่วยให้ราษฎรอุ่นใจมาก

ปัญหาเรื่องความทุกข์ของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ข้าพเจ้ามีคณะทำงานอย่างที่ได้บอกกับท่านแล้วว่า ประกอบด้วยบุคลากรหลายฝ่าย อย่างเช่น ท่านองคมนตรี รองสมุหราชองครักษ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เลือกมา พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่าให้มาช่วยข้าพเจ้าทำงาน ข้าพเจ้าคิดว่าความทุกข์อันใหญ่หลวงของชนในชาตินั้นเป็นเรื่องสำคัญ ที่พวกเราจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน ให้พร้อมเพรียงทุกฝ่าย ไม่ใช่แต่ข้าพเจ้าวิ่งอยู่คนเดียว หรือทางรัฐบาลวิ่งอยู่ลำพังนั้นไม่ได้

อยากให้คนไทยทั้งชาติร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็เป็นสถาบันหลักในผืนธงชาติไทย เมื่อพระเจ้าโดนฆ่าฟันเป็นจำนวนไม่ใช่น้อยข้าพเจ้าก็พูด ได้พูด พยายามตะเกียกตะกายออกมาพูดว่า ทุกคนไม่น่าจะนั่งเฉยๆ ถึงแม้เราอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯ ก็ไม่ควรนั่งเฉย อย่างน้อยออกแสดงความไม่พอใจ ประณามหรืออะไรก็ตาม อย่างที่เกิดเหตุการณ์ที่อังกฤษขึ้น ก็เห็นชาวอังกฤษก็ช่วยกัน ช่วยกันฮึด ช่วยกันร่วมมือกัน ทั้งประณาม ทั้งแสดงความไม่พอใจ และยังแสดงความกล้าหาญว่าเขาไม่กลัว

ประชาชนชาวไทย ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ทุกคนควรต้องเคารพ และยึดมั่นในหลักการของเมตตาธรรม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ภายใต้กฎระเบียบของสังคม และกฎหมายของบ้านเมือง คนไทยทั้งชาติ ไม่ว่าจะอยู่ภาคใดก็ตามของประเทศ ควรแสดงความเห็นอกเห็นใจ ความห่วงใยอาทรต่อพี่น้องคนไทยร่วมชาติ ซึ่งเขากำลังมีความทุกข์อย่างเหลือล้นออกมาให้ประจักษ์ แสดงออกมาเลย เพราะการนิ่งเฉยเหมือนชินชาต่อข่าวที่พี่น้องทางใต้ที่ถูกฆ่าตายไปทุกๆ วันนั้น ข้าพเจ้าว่าผิด แล้วต่อไปจะกลายเป็นภัยต่อบ้านต่อเมือง

ข้าพเจ้าเองต้องออกมาพูด ขอความร่วมมือจากท่านทั้งหลายถึง 2 ครั้งแล้ว ทั้งที่ไม่เคยพูด ไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็ไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ข้าพเจ้าต้องขอร้องคนไทยทั่วประเทศทุกคนอีกครั้งหนึ่ง ขอร้ององค์กร ขอร้องสมาคมทั้งหลาย ให้รวมพลังกันประณามการกระทำ ที่ไร้มนุษยธรรมนี้ ให้ผู้ที่มีจิตใจอำมหิตรู้ว่าคนไทยทั้งประเทศ จะไม่มีวันยอมที่จะนั่งเฉย ยอมให้เขาเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีสาเหตุ สมควรที่จะละอายแก่ใจ และเลิก ยุติการกระทำดังกล่าวนี่เสียที น่าจะเลิกได้แล้ว นานพอแล้ว

ข้าพเจ้าเคยพูดเสมอว่า ในแผ่นดินไทยทุกคนมีอิสระเสรีในการเลือกนับถือศาสนา เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกของทุกศาสนา เมืองไทยไม่เคยมีเลยการรังเกียจเดียดฉันท์ซึ่งกันและกัน ไม่เคยมีการแตกแยก แบ่งฝ่ายกัน ทุกศาสนาสามารถปฏิบัติศาสนกิจของตนได้อย่างสมบูรณ์ ดั่งเช่นที่คุณหญิงแสงดาว สยามวาลา ประธานมูลนิธิช่วยเหลือเด็กกำพร้าของสตรีไทยมุสลิมแห่งประเทศไทย เธอได้กล่าวในรายการโทรทัศน์เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2548 ว่าท่านเองท่านสามารถปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิม ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมภายในประเทศ ซึ่งเป็นประเทศแห่งพระพุทธศาสนา

ข้าพเจ้าฟังแล้วชื่นใจยิ่ง และรู้สึกมีความนับถือคุณหญิงแสงดาว สยามวาลา ว่าท่านเป็นคนกล้า และเป็นคนที่รักชาติ พยายามอย่างยิ่งที่จะเตือนให้ทุกคนทราบว่า ประเทศนี้ แต่ไหนแต่ไรมา การเลือกนับถือศาสนา ทุกคนมีอิสระเสรีที่จะเลือกนับถือศาสนา ปฏิบัติศาสนกิจของตนอย่างเต็มที่ เพราะที่คุณหญิงแสงดาว สยามวาลา พูดออกมานี่ เป็นการยืนยันให้โลกรู้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ ทุกเชื้อชาติ ศาสนา สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข

อันนี้สำคัญ คนไทยควรระลึกเสมอว่า การที่เรารักษาแผ่นดินไทยให้อยู่รอดปลอดภัยมาได้ นับแต่โบราณกาล จนบัดนี้เป็นประเทศที่ปึกแผ่นมั่นคงในปัจจุบัน แม้ชาวต่างประเทศก็ยังกล่าวว่า ประเทศไทยมีอิสรภาพมาโดยตลอด เพราะคนทั้งชาติมีความมุ่งมั่น และร่วมจิตร่วมใจกันทะนุบำรุงแผ่นดินไทย จนเป็นแผ่นดินทองของพระบวรพุทธศาสนา และทุกศาสนาในประเทศ

ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะเห็นคนไทยทุกคน มีความภาคภูมิใจในความเป็นพลเมืองของประเทศนี้ และอยากได้เห็นความรัก หวงแหนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ และแต่ละคนตั้งจิตปรารถนา ที่จะเอื้ออาทร และมีเมตตาต่อกัน

หากเป็นเช่นที่กล่าวได้ ประเทศของเราก็จะเป็นดินแดนที่น่าอยู่อาศัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในที่สุดนี้ ข้าพเจ้าก็ขอขอบพระคุณอีกครั้ง ที่ท่านทั้งหลายสละเวลาเดินทางมาอวยพรข้าพเจ้า และรับฟังข้าพเจ้าเล่าเรื่องยืดยาวต่างๆ โดยตั้งใจ ข้าพเจ้านั้นอยากให้พรของท่านทั้งหลายเป็นจริงเหลือเกิน โดยเฉพาะข้อที่ว่า มีพระราชปรารถนาใดจงสัมฤทธิ์

หากแม้สัมฤทธิ์จริงได้ ข้าพเจ้าขอให้คนไทยทั้งประเทศอยู่ดี มีความสุข ปราศจากภัยพิบัติทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ หรือภัยจากน้ำมือมนุษย์ที่โหดร้าย ขอให้ผู้ที่ตั้งใจทำมาหากิน และปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต จงประสบแต่ความสำเร็จ ความสวัสดี ขอให้ความสงบสุข และรอยยิ้มที่แจ่มใสกลับคืนมาเป็นของคนไทยทั้งชาติตลอดไป ขอบพระคุณค่ะ

กลับสู่ หน้าดัชนีพระราชดำรัส


สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๔๒ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗
ห้ามนำข้อมูลของเครือข่ายนี้ ไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร