พระราชทาน ใน ณ ศาลา วันพุธที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ (ฉบับไม่เป็นทางการ)
ขอขอบใจท่านทั้งหลายที่ได้มาในโอกาสวันนี้ ซึ่งเป็นวันก่อนวันเกิด และขอขอบใจนายกฯ ที่ได้อวยพรในนามของท่านที่อยู่ในศาลานี้ และทั้งข้างนอก รวมทั้งคนที่อยู่นอกวังอยู่หนึ่ง นอกกรุง ให้พร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มีพลังเพราะว่า คนจำนวนมากมาให้พรก็น่าจะเป็นผลดี ก็ต้องขอบใจที่ได้กล่าวถึงกิจการที่ได้ทำมาตลอด มีสิ่งหนึ่งที่ท่านยังไม่ได้กล่าวถึงและก็เป็นสิ่งที่เป็นความเดือดร้อนของชาติบ้านเมือง มาเป็นเวลานานประมาณ ๕๐ ปี ซึ่งเป็นเรื่องของยาเสพติด ซึ่งยาเสพติดนั้นมีมาก่อนเป็นเวลานาน แต่เป็นยาเสพติดที่ไม่รุนแรงมากนัก คือ ที่เขาสู้กันเรื่องฝิ่น ฝิ่นนั้นน่ะ จนกระทั่ง พูดถึงสงครามฝิ่น โดยเฉพาะในเมืองจีน สงครามฝิ่นนั้นน่ะ โดยมากคนนึกถึงว่า ชาวจีนสูบฝิ่น ซึ่งก็อาจจะเป็นจริง แต่สงครามฝิ่นนั้น มาจากฝรั่ง ฝรั่งเป็นผู้ก่อสงครามฝิ่น เพราะว่าอยากจะตีเมืองจีน และอยากจะครองเมืองจีน ครองโลก ฝิ่นนั้นก็นับว่าเป็นสงครามที่รุนแรงพอสมควร แต่ว่า เมื่อ ๕๐ ปีในเมืองไทย ฝิ่นก็ไม่ได้มีการบริโภคมากนัก และไม่มีการค้าขายมากนัก แต่เราเริ่มมีการค้าขายซึ่งที่เป็นมาจากฝิ่น โดยเฉพาะเฮโรอีน ซึ่งเมื่อหลายสิบปี ไม่ค่อยรู้จักเฮโรอีน เพิ่งทราบมาว่าตอนนั้นมันเริ่มโดยที่มีการใส่เฮโรอีนในน้ำหวาน หรือในกาแฟ คือกาแฟนี่ ถ้าใส่เฮโรอีนก็จะทำให้คนที่บริโภคมีความ มีอาการภาพหลอน และก็เป็นเหมือนกับเป็นบ้า แต่มีน้อย แล้วก็ได้ทราบว่า หลอกลวงคนที่ไม่รู้เรื่องให้ติดเฮโรอีน และเมื่อติดเฮโรอีนแล้วก็ขวนขวาย คนที่ได้บริโภคก็ขวนขวาย ฉะนั้น การที่จะปราบเฮโรอีน ปราบยาเสพติดก็ยาก เพราะว่าคนที่ติดยาเสพติดนั้น ก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เวลาทราบข่าวนั้น เมื่อมีตอนใหม่ ๆ ขึ้น ก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยนึกถึงว่าประเทศไทยจะมาประสบเหตุการณ์เช่นนั้น ดูแต่เมืองจีน แต่ว่าอย่างนั้นก็ยังมีน้อย แล้วก็ไม่รุนแรง นับวันก็มีความรุนแรงมากขึ้น และเมื่อ ๓๐ ปี ก็เริ่มมีก่อการร้ายในภูเขาสูง โดยเฉพาะในภูเขาทางภาคเหนือ โดยมากพูดถึงในภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย แล้วก็ในทางน่าน ทางแพร่ ถึงกระทั่งลงมาถึงเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นภาคเหนือเหมือนกัน แต่ค่อนข้างจะกลางประเทศเข้าทุกที และก่อการร้ายนั้น เกี่ยวข้องกับฝิ่น ครั้งนั้นก็มีสงคราม ก็มีการสู้รบที่รุนแรงที่สุดก็คือที่เขาค้อ และตะกี้ก็ได้พบกับพลเอกที่เป็นนายทหารพิการ ที่ข้างนอกนี้ เขามีหน้าที่ดูแลผู้ที่เป็นคนพิการ โดยตัวเองก็พิการขาขาด เขาได้ขาขาดที่เขาค้อ แล้วก็เขาค้อนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นยุทธภูมิที่เกิดจากก่อการร้าย คอมมิวนิสต์ ความจริง มันไม่ใช่เรื่องก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ มันเป็นเรื่องก่อการร้ายสงครามฝิ่น แล้วก็เริ่มต้นที่เขาค้อนั้น เริ่มต้นในเขตใกล้จังหวัดเลย ที่ภูขี้เถ้า ที่ภูโล่ง ๆ ตรงนั้น เขตเหล่านั้น เป็นเขตก่อการร้าย เราเคยไปเยี่ยม น่ากลัว เพราะว่าเป็นภูเขาแล้วก็มีปลูกฝิ่น ปลูกฝิ่นเจ้าหน้าที่ก็ไปเผาฝิ่น ไปตัดฝิ่น ไปเผาฝิ่น ชาวบ้านแถวนั้นก็เป็นชาวเขาส่วนใหญ่ เมื่อนั้นเขาก็เดือดร้อน มีฝ่ายที่เรียกว่าเป็นผู้ก่อการร้ายมาระดมให้ต่อสู้ ก็ต้องให้มีทหาร ตำรวจ ตอนแรกก็มีตำรวจชายแดนที่อยู่บนภูเขา ต้องถูก... ต้องถูกยิง ก็เสียชีวิตไปหลาย จนกระทั่งบานปลายออกมา ทหารทั้งทหารบก ทหารเรือ ก็ต้องขึ้นไปต่อสู้ รวมทั้งทหารอากาศ ทหารอากาศก็ใช้เครื่องบิน จนกระทั่งใช้เครื่องบินเจ็ท เครื่องบินไอพ่นไปต้องไปยิง จนกระทั่งเครื่องบินไอพ่นถูกยิงตก ซึ่งก็น่าประหลาดที่สงครามอย่างนี้จะถูก เครื่องบินถูกยิงตก เครื่องบินที่เร็ว เครื่องบินสมัยใหม่ ถูกยิงตก หมายความว่ามันบานปลายอย่างมาก แล้วมันบานปลายมาจากอะไร ก็จากยาเสพติด ต่อจากนั้นก็มีการต่อสู้และเท่ากับทางฝ่ายรัฐชนะเพราะว่ามีกำลังดีกว่า แล้วสามารถที่จะให้สงบลงไป แต่สงครามยาเสพติดนั้นก็ขยายขึ้นมา ตามหลักที่เขาโฆษณาว่า ป่าล้อมบ้าน บ้านล้อมเมือง แล้วก็ฟัง ก็เชื่อ แต่ว่าบ้านล้อมเมืองเนี่ยไม่เข้าใจ ไม่นึกว่าเป็น เขานึกว่าจะเป็นการก่อการร้ายในเมือง ซึ่งก็ไม่ได้เกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นเป็นยาเสพติดมาขายในเมืองและเป็นกันมาก แล้วคนที่บริโภคกลายเป็นทั้งผู้ที่ถูกโจมตีและเป็นผู้โจมตีในตัวเอง อันนี้อันตรายมาก แล้วก็ยังไม่ซา ยังคงมีอันตรายอยู่มาก ก็นายกฯ ทราบดีว่า ผู้ที่เป็นอาชญากรและได้ปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อเช้านี้ ก็คงได้ไปสัมภาษณ์ทำไมเขาต้องถูกจำคุก เขาถูกจำคุก เพราะว่าเขาได้ถูกตัดสินให้เสียค่าปรับ แต่ค่าปรับนี่เขาไม่มี ก็เลยต้องเข้าคุก เข้าคุกแล้วก็เดือดร้อนต่าง ๆ ก็ดีแล้วที่ปล่อย แต่ต้องอบรมเขาว่า ทำไมไม่ดี แล้วก็ที่ฟังดูว่า ผู้ที่ได้ปลดปล่อยนั้น เขารู้ตัวว่าเขาทำผิด แล้วก็เขาขอที่จะทำตัวดี แล้วก็นับถือพ่อ หมายความว่าพ่อบังเกิดเกล้าของเขา ซึ่งพ่อบังเกิดเกล้าของเขาก็เสียใจที่ลูกต้องถูกจำคุก แต่ไหน ๆ ถูกจำคุกแล้ว แล้วก็ได้ปลดปล่อยก็ดีใจ แต่ขออย่างเดียวว่า เวลาปลดปล่อยแล้ว อย่าไปติดยาเสพติดอีก เรื่องติดยาเสพติดนี่มี ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเคราะห์ร้าย และเคราะห์ร้ายนี้มี ๒ อย่าง ของเคราะห์ร้ายอย่างหนึ่ง บังเอิญก็อย่างที่เมื่อ ๕๐ ปี มีคนเขาเอาเครื่องดื่มไปเติมเฮโรอีน เติมยาเสพติด ไม่รู้ตัวเลยอย่าง อีกอย่างหนึ่งไปเสพยาเสพติดเพราะว่าเพื่อนฝูงหรือไม่ใช่เพื่อนฝูง พวกที่เขาไปบอกว่า เนี่ยอันนี้ดีทำให้แข็งแรง ทำงานได้ แล้วก็คึกครื้นไม่เห็นเป็นไร เสพยาเสพติดยาบ้ายาอะไร ก็โง่ เพราะว่าเคราะห์ร้าย ๑ เคราะห์ร้ายเราก็ให้อภัย แต่โง่ไม่น่าจะให้อภัยนัก และก็เขาอยากเล่น อยากสนุก อยากสบาย อยากแข็งแรง ซึ่งไม่จริง ใช้ยาเสพติดจริงว่า ไม่เหน็ดไม่เหนื่อย ขับรถได้เป็นเวลาเป็นหลายชั่วโมง เป็น ๑๐ ชั่วโมง ไม่เหน็ดไม่เหนื่อย แต่ถึงเวลา ๑๑ ชั่วโมง แล้วก็ฟุบลงไป แล้วก็ไปชนใครต่อใคร หลังจากนั้น อาจจะไม่ชนก็เกิดเมา เมาอย่างมากปีนเสาไฟฟ้าขึ้นไป เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องขึ้นไป หรืออีกอย่างหนึ่งก็ไปจับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ขู่ที่จะเชือดคอ อย่างนี้พิษของยาเสพติด ซึ่งมาจากความโง่ของคนที่บริโภค ความโง่ในด้านต่าง ๆ และความเคราะห์ร้ายด้วย แต่ว่าถ้าทุกคนสามารถที่จะพิจารณาว่า ยาเสพติดนั้นอยู่รอบด้าน เหมือนเดินในถนนก็มีรถ ก็ต้องทราบว่า ถ้าเดินกลางถนนมีหวังรถชน ต้องทราบไม่มีใครอยากจะเดินกลางถนนให้รถที่วิ่งเร็วมาชน ตำรวจจึงเดือดร้อน ตำรวจก็จะต้องไปห้าม บางทีก็บอกว่า ถนนของเรา ก็เดินได้ แต่ว่าเดือดร้อนกับเจ้าหน้าที่ เดือดร้อนกับคนขับกับรถอื่นๆ ซึ่งไม่ได้อยากที่จะไปชนคนบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนั้น แต่ว่ามันก็ต้องเกิดชนได้ เพราะว่ารถถ้าแล่นแม้จะแล่นเพียง ๕ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าคนเขาตัดหน้าก็ชนตายเหมือนกัน แล้วก็เดือดร้อนกับคนที่ขับรถ เดือดร้อนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในที่สุดก็เดือดร้อนกับศาล กับผู้พิพากษา เสียเวลา เสียเงิน เสียทองมากมาย เสียค่าใช้จ่ายโรงพยาบาล ซึ่งอย่างน้อยต้อง ๓๐ บาท ก็ถ้ายังไงก็ตาม เสีย เสีย คนที่เข้าไป ๓๐ บาทนั้น โรงพยาบาลเสียมากกว่า ๓๐ ลงท้ายรัฐบาลก็เสียรัฐบาลเสียใครก็เสีย ประชาชนก็เสีย เพราะว่าเงินที่รัฐบาลใช้ ก็ต้องมาจากภาษีอากร เพราะชาวบ้านอยู่ที่ไหน ๆ ก็ต้องเสีย ต้องเสียค่า ๓๐ บาทนั้น นั่นหนะอย่าโกรธว่า แขวะ ว่าอดไม่ได้ อยู่ในสถานการณ์อย่างนี้อยู่ในที่อย่างนี้ มันก็ต้องมีการแขวะ แขวะไม่ใช่ทำให้เดือดร้อน ก็ยังไงได้ให้เข้าใจว่า ยาเสพติดเนี่ย มันทำให้เกิดความเดือดร้อนหลายอย่าง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งราชการโดยตำรวจ โดยโรงพยาบาล โดยคนเอกชนต่าง ๆ เดือดร้อนหมด และสิ้นเปลือง สิ้นเปลืองแล้วก็คนทั่วประเทศก็สิ้นเปลือง แทนที่จะมีเงินทอง มีทุนมาสร้างบ้านเมืองให้สบาย ให้เจริญ มัวแต่ต้องมาปราบยาเสพติด มัวแต่ต้องมาเสียเงิน ค่าดูแลรักษา ทั้งพวกเสพยา ทั้งพวกที่เป็นคนที่เดือดร้อน อย่างนี้ก็เสียทั้งเงินและเสียทั้งชื่อเสียง ต่างประเทศเขาชี้หน้าเมืองไทยว่าเมืองไทยนี่แหละ เป็นต้นเหตุของยาเสพติดในอเมริกา ยุโรป ซึ่งไม่ใช่ เขาอยากได้เอง เขาเสพเอง คือพูด ชาวบ้านของต่างประเทศ อย่าไปพูดถึงฝรั่ง แต่เราโดยมาก ต่างประเทศ นึกถึงฝรั่ง เราก็ควรโทษฝรั่ง เขาต้องการ เขาใช้ เขาเสพ เราก็ต้องมีค้าขาย export ที่จริงยาเสพติดมันก็เข้ามาจากต่างประเทศของเรา และก็ไปสู่ต่างประเทศ แต่คนที่เขาค้าเขาได้กำไร เมื่อได้กำไรก็เท่ากับเราก็มีผิดเหมือนกัน แต่ผิดใหญ่ที่สุดก็คนที่อยากได้ ถ้าเขาไม่อยากได้ก็ไม่มีทาง ไม่มี เราจะขายไม่ได้ เพราะไม่มีราคา นี่ก็ยุ่งยาก เวียนหัว ที่จะทำอย่างไร ที่จะปราบยาเสพติด ปราบการค้ายาเสพติด นี่ทุกคนเดือดร้อน แล้วก็การปราบนี้ ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดก็มีพวก ตำรวจ ทหาร โดยเฉพาะทหารที่เป็นมากที่สุดคือ ทหารบก ทหารเรือก็แย่ ทหารอากาศก็แย่ เป็นอันว่าทุกคนเดือดร้อนที่จะต้องปราบ คนที่ต้องปราบเขาไม่อยากปราบ มันเหน็ดเหนื่อยแล้วก็อันตราย ผู้ที่ปราบนั้นต้องเสี่ยงชีวิต ในการปฏิบัติมีหลายท่านที่เป็นผู้ใหญ่ ได้ผ่านชีวิตการปราบยาเสพติดทางตรงและทางอ้อม ก็จะทราบดีว่า มันเหนื่อยแค่ไหน แล้วก็ทำให้เดือดร้อนแค่ไหน เมื่อมาพูดถึงยาเสพติด เพราะท่านนายกฯ ไม่ได้พูด คงไม่อยากพูด ไม่อยากพูดอย่างนี้เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เป็นมงคล แต่วันนี้ยังไม่ใช่วันเกิด ไม่ใช่วันเกิดก็พูดสิ่งที่เป็นอัปมงคลได้ เรื่องมงคลหรือไม่มงคล ก็อยู่ที่เขาว่าวันนี้ควรใส่สีเหลือง สี เหลือง แล้วก็คนก็ตำหนิติเตียนว่า ทำไม หอการค้าเขาทำเสื้อทองแดงมีสีดำ สีดำนั่นนะขายไม่ออก ก็คนเขาบอกว่าสีดำไม่เป็นมงคล ก็เลยต้องไปโฆษณาให้เขา ที่จริงเสื้อทองแดงเนี่ย สุวรรณชาดนะ สุวรรณ ก็ทอง ชาด เหมือนกาชาด แดง ตัว ด. คนก็นึกว่า ชา-ติ แต่สุวรรณชาด ก็ทองแดงนั่นเอง เขาใส่เสื้อทำสีดำ ต้องโฆษณาให้กับหอการค้า หอการค้าไทยเนี่ยเราไม่ได้เกี่ยวข้อง เราไม่ได้ทำการค้า ให้เขาขาย ให้เขาทำเสื้อทองแดง เสื้อสุวรรณชาด เขาขออนุญาตให้ทำ และเขาขายราคา ๕๐๐ บาท เสื้อทองแดง เริ่มต้นมาจากเสื้อทองแดง ที่เราทำเอง ขาย ๓๐๐ บาท แต่นี่หอการค้า เขาค้านะ ก็เลยขาย ๕๐๐ ยังไงก็ตาม พูดถึงเสื้อทองแดง สีดำ ไม่มีใครชอบ เลยต้องช่วยกัน ช่วยเขา ที่หัวหินมีพวกทหาร มีแม่ทัพ ๑ มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับทหารที่เพชรบุรี ตำรวจเขต ๗ เขาจะซื้อก็บอกว่าเหลือแต่สีดำ ก็บอกดี สีดำ หนุ่ม ๆ สาว ๆ ชอบ ก็เขาชอบนะ เขาชอบสีดำ เขาบอกสีเหลืองเชย แต่ตอนหลังนี่ เขาไม่ หอการค้าประหลาดเขาไม่ทำสีเหลือง รู้ว่าจะขายได้ดี ไม่ทราบทำไม เขาเพิ่งมาทำทีหลัง ต้องเคี่ยวเข็ญ จนกระทั่งมีไม่พอ มีไม่พอใช้ แต่ว่า เสื้อทองแดงต่างๆ ทีแรกก็มีคนเขาถามทำไม ทำไมไม่ขาย ทำไมไม่มี หมดแล้วหรือ บอกไม่มี อันนั้นน่ะ มีอันเดียวอันสองอัน คือว่าเราทำเล่น เรามีสิทธิจะทำเล่น เรามีทองแดง แล้วเราก็ถ่ายรูปเองให้ขยาย แล้วมาปะที่เสื้อ ก็เลยอย่างทองแดงตัวโตๆ เราไปปะเองทำเอง เป็นอันว่าไม่ใช่หอการค้าฯ ก็เลยมีรูปร่างต่างๆ คนก็เห็น ทำไมไม่มีขาย เราเล่นการค้าไม่ได้ ทำการค้าไม่ได้ คนก็จะตำหนิติเตียนพระเจ้าอยู่หัวว่าค้าขาย เราโดนตำหนิเรื่อยว่าทำไมค้าขาย เราไม่ได้ค้าขาย ก็เสื้อตัวหนึ่ง ๓๐๐ บาท การค้าก็ต้อง ๕๐๐ บาท เราได้เรียนว่าเป็นเรื่องที่อธิบายลำบาก ท่านผู้เฒ่าสั่นหัว ว่ายังไง (ทรงพระสรวล) สั่นหัวว่าเห็นใจ เห็นใจว่าเราอยู่ในฐานะลำบาก เป็นอันว่าเสื้อทองแดงอีกหน่อยก็คงมีพอ
เราก็ต้องจัดให้ตรง คนที่รู้ภาษาอังกฤษดีก็บอกว่า เออภาษาอังกฤษนี่ไม่ตรงกับภาษาไทย คนที่รู้ภาษาไทยดีก็บอกว่าไม่ตรงกับภาษาอังกฤษ แล้วก็จะทำยังไง แต่ยังไงก็ลงท้ายไปอ่านแล้วทราบว่าท่านองคมนตรีต่างๆ ได้อ่านแล้ว ไม่ทราบว่าเห็นชอบด้วยหรือเปล่า ตรงกันหรือไม่ตรงกันไม่เป็นไร เพราะว่าคนที่รู้ภาษาอังกฤษ ความคิดเป็นภาษาอังกฤษ ก็พูดอะไรภาษาไทยก็พูดภาษาอังกฤษทั้งนั้น พูดอะไรเป็นภาษาไทยไม่ได้ ต้องเติมภาษาอังกฤษ ก็หมายความว่า ไม่จุใจว่าคำภาษาไทยนั้นไม่มี แท้จริงภาษาไทยมีคำครบถ้วน ภาษาไทยนี่เป็นภาษาที่มีคำ ความหมายต่างๆ ครบถ้วน แต่ว่าไม่พอใจกัน ไม่พอใจว่าพูดภาษาไทยไม่ได้ความ แต่ว่าต้องนึกถึงว่าต้องมีภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นนี่ไม่ทราบว่าเอามาจากภาษาฝรั่งหรือเปล่า แต่ว่าแปลเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญานั่นเราแปลก็ไม่ตรงกับที่เขาแปล เลยไม่รู้จะทำยังไง ก็ต้องถามว่าภูมิปัญญาเขาแปลเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไร ก็จะคัดค้านว่าไม่ถูก ความจริงภูมิปัญญา น่าจะเป็น knowledge คือความรู้ เป็นความรู้ของคนในท้องถิ่น ก็เดือดร้อน เราเขียนภาษาไทยโดยที่ใช้คำมาจากภาษาอังกฤษแล้วก็แปลเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่ตรง ถึงว่าหนังสือทองแดงนี่ ถ้าไม่ตรงก็ไปแปลเอาเอง หนังสือสไตล์แบบของที่เขียน เขียนภาษาไทยและภาษาอังกฤษควบคู่กันไป มีจุดประสงค์ว่าคนที่รู้ภาษาไทยก็อ่านภาษาไทย คนที่รู้ภาษาอังกฤษก็อ่านภาษาอังกฤษ คนที่รู้ภาษาไทยอยากจะเรียนภาษาอังกฤษก็ไปดูภาษาอังกฤษ แล้วไปถามคนที่เรียนภาษาอังกฤษ หรือที่อ่านภาษาอังกฤษเป็นว่าแปลว่าอะไร แล้วคนที่อ่านภาษาอังกฤษนั่นนะ เขาก็อาจจะรู้ภาษาไทย เขาก็มาแปลเป็นภาษาไทย กลับไปกลับมาอย่างนี้ ก็ได้เรียนทั้งภาษาไทยทั้งภาษาอังกฤษ จุดประสงค์ของการเขียนหนังสือก็อย่างเรื่องพระมหาชนก ก็เขียนภาษาอังกฤษภาษาไทย ให้พร้อมกัน คนก็แปลกใจทำไมเขียนอย่างนี้ แต่เขียนอย่างนี้สำหรับเป็นการเรียนภาษา คนที่รู้ภาษาอังกฤษดีก็มาเรียนภาษาไทย คนที่ไม่ค่อยรู้ภาษาไทยก็เรียนภาษาอังกฤษ รู้สึกว่าได้ผลดี คนก็ชอบใจ บางทีภาษาไทยก็เขียนคำที่ไม่มีในภาษาไทย คนที่รู้ภาษาอังกฤษก็ไปดูที่ภาษาอังกฤษ เอ้ ภาษาอังกฤษก็ไม่มีในนั้น ก็สนใจว่าทำไมเขียนอย่างนั้น แต่ปรากฎว่าคำภาษาไทยถ้าไปแยกธาตุ หมายความว่าไปดูรากศัพท์ที่เราเขียนจะเข้าใจว่าเป็นอะไร ไปดูภาษาอังกฤษ ดูรากศัพท์ของภาษาอังกฤษนั้นก็จะเข้าใจ เป็นอันว่าจะได้คำทั้งภาษาอังกฤษทั้งภาษาไทยและแปลเลย คำเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในตำรา แต่ว่าเท่ากับว่าเป็นตำราใหม่และเข้าใจรากศัพท์ ภาษาไทยรากศัพท์ส่วนใหญ่ก็มาจาก ถ้าเป็นคำใหม่ๆ มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต ภาษาอังกฤษมาจากภาษาอังกฤษโบราณ หรือมาจากภาษาลาติน ภาษากรีก ก็จะปรากฎว่าเราได้เรียนภาษาในหนังสือที่เขียน ได้เรียนภาษาบาลี-สันสกฤต ภาษาลาติน ภาษากรีก ภาษาอังกฤษโบราณ ก็ได้ผล หนังสือทองแดงนี่ ๒๙๙ บาท ที่จริงคุ้มแสนคุ้มเพราะว่าได้เป็นตำรา นอกจากได้รู้จักสุนัขชื่อทองแดง ซึ่งสุนัขชื่อทองแดง ไม่มีพ่อ ทองแดงก็ไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อ ก็เลย วันนี้เขายังไม่ได้ใส่เสื้อแต่ก็มี ค๊อกเกอร์ตัวหนึ่งเขาใส่เสื้อสีเหลือง บนนั้นน่ะเขาเขียนรักพ่อ ค๊อกเกอร์ตัวนั้นเขามีพ่อ เขามีพ่อ แต่ว่าเราก็ไม่รู้จัก แต่เขาบอกว่ารักพ่อ ก็เลยนึกว่ารักพ่อ ก็เลย เดินเข้ามาแล้วมาโชว์ตัวว่าเขารักพ่อ ทองแดงเขาไม่ได้ใส่เสื้อ ไม่มีใครเอาเสื้อใส่ให้เขา เพราะว่าเขาไม่มีพ่อ แต่ว่าเดี๋ยวกลับไปก็คงใส่เสื้อทองแดง เราอุตส่าห์ไปหาเสื้อทองแดงมาให้เขาใส่เสื้อทองแดง ให้ทองแดงใส่เสื้อทองแดง ก็เลย ทองแดงเขาได้อบอวลใจว่าเขามีพ่อ ทองแดงเขาไม่มีพ่อ เพราะว่าแม่เขาถูก กทม.เก็บตัวไป เก็บตัวไปก็นึกว่าเก็บตัวไป อย่าไปนึกว่าเขาจะไปขลิบหัว เขาไม่ขลิบหัวหรอก ตอนนั้นเขาควรจะขลิบหู แต่เรากลัวว่ายังไม่ทันขลิบหูก็ต้องตายก่อน เพราะสมัยโน้นเขาเก็บไปแล้วก็ไปเก็บไว้ในที่ที่มีสุนัขเยอะเลย มากมายแล้วอาหารก็ไม่มีพอ ที่รู้ว่าคุณนายแดง ชื่อคุณนายแดง เพราะว่าลูกเขามีความดี ลูกเป็นคุณทองแดง คนในนี้เขาเรียกคุณทองแดง ก็เลยแม่ก็เลยชื่อคุณนายแดง
ก็เอาข้าวให้กิน ข้าวให้กินก็อ้วนท้วนขึ้น จนกระทั่งอ้วนท้วนนึกว่า อะไรทำไมไม่กี่วันอ้วน อ้วนมาก แท้จริงมันท้อง มันโตขึ้น โตขึ้น แล้วก็มันก็ออกลูกที่วัดกลางถนน ข้างถนน ชาวบ้านก็ใจดี ก็เอาผ้า เอาอาหารไปให้ ให้กินนม คุณนายแดงเองก็ไม่มีนมกิน แต่ว่าให้เด็กๆ ได้กินนม หมายความว่า ลูก ลูกเป็นอภิชาตบุตร ได้กินนม แม่ไม่ได้กินนม แต่ในที่สุดก็เลยได้โตขึ้นได้ แล้วก็เข้าบ้าน มีพี่น้องด้วยกัน ๗ ตัว ๗ คน อย่างนั้น เราชอบเรียกว่า สุนัขที่เราเลี้ยงเป็นคนหรือเป็นสุนัข ก็เลยให้เข้าบ้าน คนโน่น คนนี้ก็เอา เราก็เอาทองแดง เพราะจมูกมันแด่น แล้วหางดอกมันดอก พอดีลูกของคุณสุดหล่อ ลูกสุดหล่อ และมะลิ มีสีดำ มีตัวหนึ่งสีดำ จมูกแด่น หางดอก ก็เลยนึกว่าจะให้เป็นแฟนกัน ก็เห็นในหนังสือ ก็จะได้เห็นว่า อยู่ในกระบะ แล้วก็ทองดำ เขาก็ติดใจทองแดง ติดใจ แต่ทองแดงเขาไม่ติดใจ เขาไม่ชอบ ต่อไปเมื่อวันนั้นมา เขาก็ไม่ชอบแล้ว แต่ว่าโดยที่เอาทองดำมารับก็ได้เอาไปให้แม่มะลิ แม่มะลิก็ดมๆ เอ๊ะนี่ไม่ใช่ลูกเรา ไม่ใช่ลูกของเรา แต่มีกลิ่นลูก เขาก็เลยรับ วันรุ่งขึ้นก็กินนมแม่มะลิ ก็กินนมตลอด ก็มีในรูปเห็นติดแม่มะลิ เมื่อเป็นเช่นนั้น แม่มะลิก็มีลูก ๑๐ เดิมมี ๙ กลายเป็นลูกที่ ๑๐ ของแม่มะลิ เขาก็รู้สึกว่า ติดใจ กตัญญูต่อมะลิ เรื่องที่เขียนความกตัญญู ความดีอะไรนั้น ก็มาจากทองแดงมีความดีกับแม่มะลิ แม่มะลิมีความดีกับลูกเลี้ยง เพราะว่า มันเป็นอย่างนี้ ถึงเป็นเรื่องที่น่าเขียน น่าเล่าให้ฟัง ไม่ใช่ว่าจะมาแต่งเรื่อง มาใส่ทองแดง แต่ทองแดงกับแม่มะลิทำตัวมาใส่เรา คือ หมายความว่า เรื่องมันเป็นการปฏิบัติของสุนัข สุนัขเด็กกับผู้ใหญ่ที่เขาทำ ทำตัวให้น่าชื่นชม อย่างมีความกตัญญู มีอะไร เป็นการแสดงว่าสุนัขเขามี เราไม่ได้พูดถึงว่า คนไม่มีความกตัญญู คนน่าจะมีกตัญญู น่าจะมีความดี เราไม่วิจารณ์ แต่ว่ามาเห็นว่าสุนัขเขามีความดี เขามีความกตัญญู เขามีความฉลาด อันนี้เราชื่นชม เราต้องเขียน ก็ต้องเขียนต้องเขียนว่า สุนัขเป็นอย่างไร นิสัยของสุนัขมีอะไรบ้าง แล้วก็ที่พูดถึงว่ามาจากทุ่งสีกันหรือว่า คุณทองแดงเป็นหมาเทศ หมาเทศ เพราะว่ามาจากเทศบาล เราเคยพูดเมื่อปีก่อนนี้แล้วว่า เป็นหมาเทศ หาว่าแขวะ เทศ ศ ศาลา เทศ ซึ (ทรงลากเสียง ศ.) ก็หมาเทศเนี่ยเขาก็มีความดี ก็หมายความว่า เทศบาลก็มีความดี ไม่ต้องไปขลิบหู แต่ว่าหมาเทศนี่ ทองแดงและก็น้องๆ คุณมะลิ แล้วก็คุณสุดหล่อ เขาได้ใส่ชิพ ไมโครชิพ เขาใส่แล้ว ที่ทางเทศบาลเขาจัดทำชิพใส่ mid - road ต่างๆ mid - road ต่างๆ มีตั้งเท่าไหร่ ๓๐๐,๐๐๐ ชิพอันหนึ่ง ๑๐๐ บาท ใช่ไหม ๑๐๐ บาทคูณ ๓๐๐,๐๐๐ เป็นเท่าไหร่ เปลืองแล้วพวกนี้เอาไป เอาไปใส่ไมโครชิพแล้วก็แตะออก เอาไปรถก็ชน ค่าไมโครชิพมันก็เปลืองเปล่าๆ แต่ว่าที่จะทำ จะไปใส่ไมโครชิพกับหมาที่อยู่ในบ้าน อันนั้นก็ควรจะทำ ควรจะทำการสำรวจ แต่การสำรวจแล้วก็การทำบัญชี มันยากมากกว่าจะทำเสร็จ เขาบอกกี่ปีนะ ๓ ปีนะ ทางเจ้าหน้าที่เขาบอก ๓ ปีนะกว่าจะทำเสร็จ ๓ ปีสุนัขเกิดขึ้น ได้ตัวละ ๑๐ ตัว ๓๐๐,๐๐๐ ๖ เดือนครั้ง ๒๐ ตัว ๓๐๐,๐๐๐ เป็น ๖ ล้าน เวลาทำเสร็จแล้ว ต้องไปทำไมโครชิพอีก ๖ ล้าน ทำ ๓๐๐,๐๐๐ แล้ว ๓ ปีเสร็จ อีก ๓ ปี จะมีอีก สุนัขอีก ๖ ล้าน แล้วก็คุณสมัครจะทำยังไง นี่แขวะเหมือนกันนะ แต่ว่ามันลำบาก ก็เห็นใจงานหนักมาก แต่ว่าถ้าอย่างนี้ที่เขียน เขียนหนังสือทองแดงนี้ ก็จะได้ให้คุณสมัครจัดการให้ประชาชนได้ไปเลือกสุนัขที่น่ารัก น่ารัก เอาไปเลี้ยง แล้วก็ให้มีกฎเกณฑ์ว่า เมื่อเอาไปเลี้ยงแล้วก็ให้เลี้ยงจริงๆ ไม่ใช่ว่า ตัวเล็กๆ น่ารัก โตขึ้นก็แตะออก เขาทำกันอย่างนี้ เขาไปเอาตัวเล็กๆ มาเลี้ยง แล้วก็เวลาโตขึ้นหน้าตามันอัปลักษณ์ แตะออกไป มันลำบาก แต่ว่า แม้จะโตขึ้นหน้าตาอัปลักษณ์ มันก็น่ารัก มีสุนัขที่เลี้ยงของเราส่วนใหญ่เป็นสุนัข mid - road อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง คุณมะลินี่ เป็นครึ่ง mid - road เออะเป็น mid - road เต็มตัว เป็น mid - road สวย เขาสวยเหมือนสปริท ถ้าเลี้ยงตอนแรกคุณมะลิ หางยาว ขี้เรื้อนเต็ม ก็ไปรักษา ที่ไม่ต้องเสียเงินอะไรเลย เพราะว่าหมอ สัตวแพทย์เขาสงสาร เขาไปเลี้ยงให้ยาทายา เดี๋ยวนี้จะเห็นในหนังสือในหน้าหลังๆ เห็นคุณมะลิหางพวง สวย แล้วก็ขนนวลสวย เลี้ยงได้ดีๆ ก็ไม่สิ้นเปลืองมากนัก เพราะว่า ถ้าให้กินมากเกินไปมันอ้วน อ้วนเกินไป แต่ว่าให้กินพอเหมาะ พอประมาณ เขาก็น่ารัก แล้วก็เป็นสุนัขที่น่าเลี้ยง นึกว่า ถ้าทางกทม. เลือกเฟ้นสุนัขที่ดีๆ แล้วก็อาจจะให้เสียค่า ค่าทำบัญชี ทำอะไรให้กับ กทม. ก็จะได้สุนัขที่น่ารัก แล้วในที่สุด ถ้าสมมติได้น่ารัก จะผสมพันธุ์สุนัขพวกนี้มาเป็นพันธุ์ไทยแท้ๆ ก็อาจจะดี ก็เป็น Thai dog ลูกของทองแดงมี ๙ ตัว สีต่างกันทั้งนั้น ๙ ตัว แล้วก็เป็นสุนัขขนม ขนมทองแดง ขนมลูกทองแดง
เป็นผู้หญิง เมืองไทยเนี่ยผู้หญิงยังด้อยกว่าผู้ชาย ก็เลยจะให้ชื่อทองม้วน คงไม่ได้ ก็เลยให้ชื่อทองม้วน ตัวที่ ๒ เป็นผู้ชาย แปลว่า ขนม ชื่อว่า ทองเอก ก็ต้องให้ผู้ชายคนที่หนึ่งชื่อทองเอก ก็เลย ทองม้วน เป็นตัวที่ ๓ ยังไงทองม้วน ตัวที่ ๓ หล่อมาก แล้วเรียบร้อย เป็นสุนัขที่เรียบร้อย ก็เลยเลือกให้ไปเปิดงาน ไม่ทราบว่าเขาจะปฏิบัติตนยังไง ให้ไปดู แล้วก็ขอให้ทางงาน เขาเลี้ยงดูให้ดี ๆ ที่จริงทองม้วนนี้ เปรียบเทียบกับลูกของทองแดงอื่น ๆ เขาก็ดี สวย ขนยาวกว่าทองแดง มีรูปร่างต่าง ๆ สีต่าง ๆ ทองม้วนสีค่อนข้างจะสวย สีอ่อนกว่าทองแดง แล้วก็มีลูก ๙ แต่แตกต่างกันทั้ง ๙ มีความสามารถแตกต่างกัน ที่มีความสามารถที่สุดคือ เบอร์ ๕ ชื่อ ทองพลุ ทองพลุตัวเล็กว่าทองแดง แต่สีดำ เขาสีดำ แล้วเบอร์ ๙ ก็สีดำเหมือนกัน มีสีขาวเพิ่มนั่นชื่อ ทองนพคุณ คือ นพ ๙ ตัวที่ ๙ ทองนพคุณ ก็เลยมีแปลก ๆ
คนไทยที่รักหมาไทยก็ชอบหมาแท้ คือ ต้องการหมาหลังอาน หมาบางแก้ว หมาบางแก้วดุมากก็เลยไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ดี เพราะว่าถ้าเราปล่อยแม้แต่ลูกเจ้าของก็กัด ยังมีคนเขาเอามาให้ ก็เลยบอกไม่ได้ ไปมอบให้องครักษ์ เขารักสุนัข และเขายอมรับก็เอาไปเลี้ยง ก็ไปเลี้ยง ทำไปทำมากัดลูกเขา มันไม่เชื่อง แล้วก็เคราะห์ดีไม่ได้รับเอาไว้ ถ้ารับเอาไว้ เดี๋ยวนายกฯ มา ถูก แน่ ถูกแน่ นายกฯ มาโห ๆ ๆ กัดแน่ มันอย่างนี้ แต่ที่นี่รับรอง เขาไม่กัด ลูกทองแดงไม่กัด แต่กัดกันเองนะมี เป็นอย่างนี้ แต่ว่าถ้าเรามาผสมให้ดี ลงท้ายเราจะได้สุนัขที่น่ารัก เลี้ยงเชื่องและใช้งานได้ มีสุนัขเลี้ยงดมกลิ่น มีตัวหนึ่งครูฝึกเขาให้กระโดด กระโดด ๆ แล้วก็ครูฝึกมีป้ายที่ติดแบบนี้ บัตรวิ่งไปวิ่งมา หลุดไม่รู้ตัว บอกโอ๊ะนี่หายไปไหน เขาบอกไปหา มันไปหา คาบมาให้ ไม่ได้สอนเท่าไหร่ แต่เขาก็คาบเอามาได้ ก็หมายความว่า ดี บอกพูดรู้เรื่อง แล้วของหายบ่อย ๆ ให้ไปหาของนั้นไปหามาได้ ก็เป็นประโยชน์ไม่เสียข้าวสุก แล้วก็ที่สนับสนุนว่า สุนัขถ้าเราทำในที่สุดก็เป็นพันธุ์ไทยแท้ ในที่สุดอาจมีพันธุ์ไทยทองแดงแท้ ๆ แต่สีต่าง ๆ นะ อาจไม่แดง ตัวสองตัว ลูกของทองแดง ตัวดำ ๒ ตัว ตัวหนึ่งสีแดง แดงทีเดียว แล้วก็ตัวสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลแก่ ออกมาแนวนี้ ที่เล่ายืดยาว เพราะว่าจะให้เข้าใจว่า ทำไมเขียนเรื่องทองแดง สอนหลายอย่าง มากกว่าที่นึกว่าจิตใจที่ของสุนัขที่เป็นกตัญญู มีประโยชน์สำหรับประเทศ ถ้าภายใน ๕ ปี ๑๐ ปี เราทำพันธุ์สุนัขไทยแท้ ๆ ที่ไม่ใช่บางแก้ว ไม่ใช่หลังอาน เขาเห่อกันหลังอาน เพราะว่า รูดีเซีย รีชแบ็ค เหมือนกัน หลังอานไทยดุมาก และบางแก้วก็คล้าย ๆ สุนัข สุนัขทางเหนือ สุนัขลากเลื่อน ดี แต่ว่าอันตราย เราจะหาสุนัขที่กตัญญูด้วย มีประโยชน์ในด้านหาของ ดมกลิ่นได้ ไปเข้าคอร์สของพวกที่ พวกที่ดมระเบิด พวกที่ดมยาเสพติด ที่พูดยาเสพติดตั้งแต่ต้นก็เพราะว่าสุนัขมันดมยาเสพติดได้ สอนมันเถอะ สอนมัน มันดมได้ ใครเข้ามาในนี้ พกยาเสพติดมา เราเอาสุนัขมา ที่ฝึกแล้วมาดม ควักเอาเลย ไปเอามา สุนัขไทยไม่ใช่สุนัขที่ซื้อมาราคาเป็นแสน สุนัขไทยนี่ราคาค่าอาหาร ทองแดงนี่ ไม่ได้เสียเงินเลย น้องทองหลาง ๓ ตัว ๖๐ บาท เพราะว่า เขาเลี้ยงนม ไปซื้อนมมาเลี้ยง ๓ ตัว ๖๐ บาท หมายความว่าไม่สิ้นเปลือง แล้วก็ได้เรื่อง ตัวที่ ๓ ตัว ๖๐ บาท ได้มาแล้วก็ให้กับแพทย์ ๒ ตัว ให้กับแพทย์ เขาก็ไปเลี้ยงเขาก็ดีใจ ตัวที่ ที่เหลือหมายความว่า ๒๐ บาท ทองหลาง อริของทองแดง นั่นนะ เขามีน้อง ลูกของน้าเขา เขาดมกลิ่นได้สบาย คือ เขาใช้ได้ นั่นนะ mid - road under house ทองหลางนี่เป็น under house เกิดใต้ตึก แม่เขาขุดอุโมงค์เข้าไป ไปออกลูกใต้ตึก เป็น under house ใช้ได้ น้องของทองหลาง ทองหลางนี่ครูฝึกเขาสั่นหัว เพราะว่าค่อนข้างจะไม่มีวินัย ไม่อยากที่จะสอน แต่ถ้าสอนก็ได้ ถ้าสมมติว่า มาที่นี่ เขาจะมาอยู่ แต่คงเห่า พูดอะไรไม่ออก พูดอะไรไม่ได้ มีแต่เห่า เห่า เห่า เห็นสมเด็จพระเทพฯ เห่า เห่า เห่า เห่า สมเด็จพระเทพฯ ต้องไปเขี่ยคาง เขาก็เงียบ แต่ว่า สมเด็จจุฬาภรณ เห่าไม่หยุด ไม่ใช่จุฬาภรณ เห่าไม่หยุด (ทรงพระสรวล) ทองหลางเห่าไม่หยุด ไม่หยุดเลย เพราะเขาเป็นอย่างนี้ นิสัย กำลังคิดจะทำอย่างไร แต่คราวหน้าอาจจะได้ เพราะกำลังคิดว่า ทำยังไง แต่นี่จะหนีไปเมืองนอก พรุ่งนี้ มะรืนนี้ หนีไปเมืองนอกแล้ว ก็เลย คงจะไม่พบทองหลาง แต่ทองหลางนี่ เขามาจากวังทองหลาง ถึงบอกกับคุณสมัคร บอกว่า อย่าเปลี่ยน อย่าเปลี่ยนเขตวังทองหลาง คุณสมัคร จะเปลี่ยนเขตวังทองหลางเป็นเขตขวาง อ่ะ ห้วยขวาง ทองหลางจะได้ให้ชื่อว่า ทองขวาง ไม่เอา ก็ก็ดี คุณสมัคร ก็ใจดี ก็ยังเป็นคุณทองหลาง คือทองขวาง มันขวาง ถ้ามานี่คงต้องเห่าคุณสมัคร แน่ แต่เขาก็มามาจากหัวหินก็มา ส่วนทองแดงเขามาจากหัวหิน นั่งรถบีเอ็ม เขานั่ง นั่งรถบีเอ็มซีรี่ส์ ๗ มา นั่งสบาย ดีมาก ก็เลยนี่แหละ ที่มาด้วยก็มีทองแดง กับทองขวาง อ่ะ ทองหลาง แหมจะให้ชื่อทองขวาง ไม่ได้ ไม่เอา นี่เล่าเรื่องพรรณอย่างนี้ ก็ไม่อยากที่จะเล่าเรื่องอะไรมากมาย มันมากอยู่แล้วในเรื่องยาเสพติด ยาเสพติดนี่เข้าใจว่า ถ้าหากว่าทำโครงการสุนัขเร่ร่อน แล้วก็ทำจริงจัง ลงทุนหน่อย สามารถที่จะใช้สุนัขเร่ร่อนมีดี ๆ แล้วก็สำหรับคนที่ชอบสุนัขที่สวย ๆ มีสวย ๆ มีที่มีความสามารถในด้านเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน
เขาก็มีสุนัขเรียกว่าเร่ร่อนมาอยู่รอบบ้าน คนที่เป็นเจ้าของบ้าน เขาก็เลี้ยงดู อาจจะไม่ชอบกับระเบียบการ เพราะว่าเขาเร่ร่อน แต่ว่า มีคนมาจะมาปล้นมา จะมาขโมย เห่า ตอนกลางวัน เขาก็ไม่เห่า หรือไม่ทำอะไรที่ไม่ดี เขาถ้าทำไม่ดี เขาตอนกลางคืน เห่า ขรมเลย เห่า เห่าอย่างมาก ๆ แต่บางทีเห่ามากเกินไปก็มี แต่ว่าถ้าฝึกดี ๆ ก็สามารถที่จะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน สุนัขสำหรับหาของของตำรวจ ให้สุนัขตำรวจ สุนัขทหารก็ได้ แต่ตอนนี้ก็จะต้องทำกองพันที่ฝึก ต้องทำกองพันฝึกสุนัข ที่ช่วย เดี๋ยวนี้ยังมีตามชายแดนก็มีความจำเป็น มีระเบิดเยอะในเขมร ก็ระเบิดก็ยังมี แล้วก็ที่อื่นที่เขานั่น ระเบิด ฝึก สุนัข แต่ฝึกคนด้วย เรามีสุนัขที่มีคุณภาพดี ไม่สวย สุนัขอาจจะไม่สวย แต่ว่ามีความสามารถ ของเรามีสุนัขพี่น้อง มีตัวโตเท่านี้ นั่นสุดท้องตัวโตเท่านี้ ตัวที่ ๒ ตัวครึ่งเดียว ตัวสุดท้องนั้น น้ำหนัก ๒๒ กิโล ไอ้ตัวที่ ๒ กะตัวที่ ๓ น้ำหนักเพียง ๑๑ กิโล ก็มันไม่เหมือนแล้ว ตัวที่ ๕ เขลอะเลย สีทีแรกนึกว่าขาว แท้จริงเขลอะเป็นจุด จุด จุด จุด สีดำ สีน้ำตาล หน้าตาเขลอะ แล้วก็มีตัวหนึ่งยาวอย่างนี้ มีซี่โครงบาน เขาพวกนี้มันไม่สวย แต่มันมีความสามารถ แสดงได้ แล้วก็ถ้าจัดให้มีจะถึงกองพันนะ เขามีกองพันสัตว์ป่า นี่กองพันสุนัขสงคราม เป็นกองพันรึเปล่า เป็นกองพันสุนัขสงคราม ตำรวจก็ได้ฝึกสุนัขสงครามมา ซึ่งได้ไปดูตั้งเท่าไหร่ ๒๐ กว่าปีแล้ว
บางทีเดิน ๆ ไป ไปเจอแมว วิ่งไล่แมว ต้องวิ่งไล่ เวลาวิ่งไล่แมวเสร็จแล้ว บอกครูฝึกเลย พอแล้วๆ กลับมา เขาก็กลับมา แล้วก็ทำงานต่อ ฝรั่งเขาไม่ทำ ฝรั่งเขาไม่มีเล่น ไม่มี ไม่เล่น เวลานอกไม่มี แต่ฝรั่งมันเครียด ฝรั่งเครียด อย่างครั้งก่อนนี้ ประธานาธิบดีมา เขาเอาสุนัข สุนัขสงครามมาด้วย มาแล้วก็เขากลัวว่าเดี๋ยวใครเอาระเบิดมาใส่เอา เดิน ๆ ไป หมาทำหน้าที่เคร่งเครียด มีสุนัขไทยหนังกลับ พันธุ์หนังกลับโผล่มาจากใต้ถุน มา สุนัขฝรั่ง มองดูนึกว่าผี นึกว่าผี เปิดแน่บเลย เปิดแน่บเขาเป็นประสาท สั่น ทำงานไม่ได้ ก็เจอผี ได้ความว่ากว่าจะหายสั่น หายกลัว ต้องส่งกลับไปอเมริกา ต้องทำ Rehabilitation หมาต้องไปหาจิตแพทย์ จิตสัตวแพทย์ เกือบแย่ แล้วทีหลัง สุนัขก็ปลดราชการแล้ว นี่ หมาฝรั่ง ไม่น่าเชื่อ เป็นอย่างนั้น แล้วทางตำรวจเขารู้นะ ก็เขา สุนัขผีไทย มี พวกนั้น เขา เขาไม่รู้ว่าเป็นผี เขาบอก ghost เขากลัว ตกใจ นี่ สุนัขหนังกลับของเรา มีประสิทธิภาพสูง แต่ว่าสุนัขหนังกลับตัวนั้น ลงท้ายเขาก็หายต๋อมไปเลย ลงไปใต้ ใต้ตึกต่อ โผล่จากใต้ถุนตึก ก็เลยบอกหมายความว่า สุนัขไทย มีความสามารถ แต่ว่า เอาพวกนั้น หรือไม่ทราบน่ะ เขาเล่าให้ฟังอย่างนั้น ไม่ทราบว่า สุนัขเหล่านั้นจะทำอะไรต่อไป แต่ว่าในที่สุดเข้าใจว่าถูก กทม. จับไป ไม่ให้รางวัลเลย ที่จริงควรจะให้รางวัล ไปเลี้ยงดู แล้วก็ถ้าเลี้ยงดูพวกสุนัขหนังกลับน่ะ ก็อย่างแม่มะลิน่ะ สุนัขหนังกลับ แล้วก็สวย แล้วก็มีความกตัญญู มีความดี แล้วก็มีความกตัญญู มีความดี แล้วก็เนี่ยเล่าเรื่องอะไรต่างๆ เยอะแยะ ก็คงพอแล้ว เพราะว่า ถ้าเล่าต่อไป ก็คงชักจะเบื่อ แล้วก็ชักนึกบ้าง ชักฟั่นเฟือน แต่ว่า เราพูดไอ้เนี่ยไม่ใช่ฟั่นเฟือนนะ เป็นความจริง แล้วก็เมืองไทยเนี่ยมีทรัพยากรดี ๆ ไม่ทำไม่ใช้ เดี๋ยวต้องไปกู้เงินอะไรที่ไหนมา มาพัฒนาประเทศ จริงสุนัขฝรั่งก็ต้องซื้อมา ต้องมี แต่ว่าเรามีของทรัพยากรที่ดี เราต้องใช้ ไม่ใช่สุนัขเท่านั้น อื่น ๆ ของอื่นหลายอย่าง แล้วก็ที่นายกฯ พูดถึงทฤษฎีใหม่ พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง ไอ้เนี่ยเราไม่ได้ซื้อจากต่างประเทศ แต่ว่าเป็นของพื้นเมือง แล้วก็ไม่ได้ อาจจะอ้างว่า เป็นความคิดของพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ทำมานานแล้ว ทั้งราชการ ทำราชการ ทั้งพลเรือน ทั้งทหาร ทั้งตำรวจ ได้ใช้เศรษฐกิจพอเพียงมานานแล้ว อย่างตำรวจไปเปิดโรงเรียนที่บนภูเขา ใช้เศรษฐกิจพอเพียงแท้ ๆ โรงเรียนสร้างโรงเรียนใช้ไม้ผุ ๆ พัง ๆ ก็ไปเลือกมา แล้วก็คนที่เป็นครู ก็เป็นตำรวจ ๒ คน ได้เลี้ยงดู สอนเด็ก ๑๐ คน ๑๕ คน แล้วก็นอกจากเลี้ยงดู ยังเป็นบุรุษพยาบาลด้วย ดูผู้ที่เป็น เออ มาลาเรียตรวจเลือด ตำรวจพวกนี้เขาตรวจเลือดแล้วก็เมื่อเป็นยังไง เขาก็ส่งผู้ที่ป่วย ช่วยชีวิตเด็กและผู้ใหญ่มากมาย แต่อย่างนี้ถือว่า เถื่อน หาว่าเถื่อน หาว่าตำรวจป่าเนี่ย เขาเรียกว่า ตำรวจป่า พวกตำรวจชายแดนนี่ ตำรวจป่า เขา คนอื่นในกรุง หาว่าเป็นตำรวจป่า แต่ที่จริง ตำรวจป่าเนี่ยเขาช่วยชีวิตคนมากมาย มากหลาย
ไอ้จ๋อกินกล้วย เขาก็มากินกล้วย เสร็จแล้วก็ให้มะละกอ ก็กินน่ะ กินเสร็จแล้วเขาก็เปิด ปีนขึ้นไปบนหอ ต่อจากนั้นก็เรียกไอ้จ๋อลงมา กินกล้วย เขาก็มา เขามามานั่งบนกำแพง มอง เลยบอก เอ้เนี่ยมาอยู่อย่างนี้ก็ต้องเรียกว่า ไอ้จ๋อไม่ได้ เดี๋ยวมันโกรธ ต้องเรียกว่า คุณจ๋อ คุณจ๋อ ก็ไม่ได้ เลยให้ชื่อ ไม่รู้จะให้ชื่ออะไร มีคนหนึ่งชื่อ เออ ชื่อ เออ ให้ชื่อคุณศักดิ์ดา คุณศักดิ์ดา เขาลงโก้มาเลย เขาก็โก้ เราก็บอก อย่าเพิ่งลงมา จะเอากล้วยไปวางไว้ที่บนที่นก มองก็เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว อย่าเพิ่ง แล้วก็เข้าไปข้างในแล้วก็ เขาก็กระโดดไป ไปกินกล้วย เขามาวันเสาร์ เขาอยู่วันอาทิตย์ เสร็จแล้วก็ถามพวกตำรวจ ทหารว่า ยังไง เขาสงสัยว่ามาจากเขาตะเกียบ ชื่อว่า คุณสรพงษ์ ไม่ใช่คุณศักดิ์ดา ชื่อคุณสรพงษ์ แต่เนี่ยเขาไปตามหาดทรายไปถึง ถึงสนามบิน ไปเข้าห้องของครูฝึกบิน ไปทำอะไรไม่รู้ แหมเอะอะก็ไล่ มันก็ข้าม ข้ามถนนเพชรเกษมไป ไปวัดวัดชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว ต้องไปถามผู้ว่าจังหวัดทหารบกเพชรบุรี ไปที่วัด เจ้าอาวาสเอากล้วยนั่นแหละไม่กิน พวกสุนัขกลัวเปิดไปหลังเขา กลับมาที่ไกลกังวล มาที่ห้องครูใหญ่โรงเรียนไกลกังวล ที่ครูใหญ่เขาก็เลยนึก เรานึกว่าคุณสรพงษ์ จะมาสมัครเป็นครูใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่เอา กลับไปที่เขาตะเกียบ ไปหาพ่อแม่ พี่น้อง เพราะบอกไม่ไหว ไปที่ไกลกังวลนึกว่าจะเห็นสาว ๆ สวย ๆ ไม่ไหวแก่เพราะสาว ๆ สวย ๆ ไปโน่น ไปต่างจังหวัดหมดกับสมเด็จพระนางเจ้า เลยไม่มี เพราะว่าเขาก็กลับไปที่เขาตะเกียบ ไปหาพ่อ หาแม่ เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่ ที่แรกมากับพี่กับพี่น้องกับแม่ เลยไม่เอาแล้ว สรพงษ์ น่ากลัว ปีที่แล้วเนี่ยไปเจอ เจอสัตว์แปลก ๆ แต่เนี่ยไม่ได้เขียนหนังสือเรื่อง สรพงษ์ เนี่ย เขียนไม่ทัน ต้องให้ทหารมาเขียน ทหารตำรวจมาเขียน แต่ว่าทองแดงเนี่ย เราเขียนได้ ไม่ทราบว่า ซื้อหนังสือทองแดงได้หรือยัง วันละ ๒๐,๐๐๐ ๒๐,๐๐๐ เล่ม ๗ วัน ก็ ๑๔๐,๐๐๐ เล่ม ก็ทั้งหมดมี ๒๐๐,๐๐๐ ก็ถ้าคอย ต้องมีความเพียรคอย ถึงเวลาก็ซื้อได้ เราจะให้ก็ให้ไม่ได้ ไม่มี ไอ้เนี่ยรู้ไหมเขามาขาย เขาเอาหนังสือมา มาวางขาย แต่ไม่พอ วันนี้เขาบอกว่า ๒๒,๖๑๐ คน อาจจะไม่ถึง ๒ อาจจะขาดไปซัก ๒ - ๓ คน ก็เลยเป็น ๒๒,๖๐๘ คน แต่ ๒๐,๐๐๐ เนี่ยแหละวันหนึ่งนะที่เขาต้องเย็บ ถ้าจะซื้อให้คนที่มาจากต่างจังหวัดซื้อซะก่อน เขาอุตส่าห์มาตั้งไกลได้มาซื้อ เพราะฉะนั้น ผู้ที่อยู่แถว ๆ นี้ ก็ยังมีเวลาซื้อได้ หรือไม่งั้นก็ไปซื้อที่หัวหิน ถ้าได้พอแล้ว ป่านนี้เขาก็เอามา อาจจะพอ อ่านแล้วก็อย่าโกรธนะ คือ กลัวทั้งนั้นน่ะ อ่านเดี๋ยวหาว่าเราแขวะคนนี้ แขวะคนโน้น ไม่ใช่ เราจะแขวะก็แขวะหมาเท่านั้นเอง มันไม่มีแขวะคน เพราะว่า หมามันแขวะเรา เขาไม่โกรธ คนแขวะเราเขาก็โกรธ แต่ก็อ่านแล้วอย่าโกรธ ไม่งั้นถ้าอ่านแล้วก็โกรธ เฮ้อก็ไม่ดี เดี๋ยวทำให้ผู้เขียนนั้นเดือดร้อน ยังไงก็ขอบใจท่านทั้งหลายที่มา แล้วก็มาให้พร แล้วมาคึกครื้นกัน ขอให้มีสุขภาพอนามัยที่แข็งแรง อย่าเครียดเกินไป คือ ว่าเครียดแล้วก็สุขภาพไม่ดี ก็ให้สุขภาพดี ๆ งานให้เรียบร้อย ได้สามารถที่จะปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ โดยที่ไม่ทะเลาะกันมากเกินไป คือ สังเกตดูหมู่นี้คนหนึ่งพูดอย่าง คนหนึ่งพูดอีกอย่าง มันทะเลาะกัน ทะเลาะกันไม่มีประโยชน์ คิดแต่ดี ๆ แล้วก็บ้านเมืองก็จะเรียบร้อย ถ้าบ้านเมืองเรียบร้อย ทุกคนก็มีความสุข ก็ขอให้ทุกคนทำงาน ทำการ ทำอะไรมีความสำเร็จเรียบร้อย ทุกคนมีความสุข บ้านเมืองเจริญ ก็ขอให้ได้มีความสำเร็จทุกประการ
|