The official emblem for His Majesty the King's 6th Cycle Birthday Anniversary Celebrations, 5 December 1999 Welcome to Kanchanapisek Network Kanchanapisek Network logo


ENGLISH VERSION
หน้าแรก
พระราชประวัติ
พระราชพิธีกาญจนาภิเษก
พระราชกรณียกิจ
โครงการพระราชดำริ
พระราชดำรัส
พระราชอัจฉริยภาพ
เพลงพระราชนิพนธ์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
สยามบรมราชกุมารี

หน่วยงาน
ในเครือข่ายกาญจนาภิเษก

หน่วยงานที่ร่วมเสนอผลงาน
เกี่ยวกับเครือข่ายกาญจนาภิเษก
ความรู้เพื่อคนไทย
Site map
Milestones
Feedback

Main Banner

พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย
ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
วันเสาร์ที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
(ฉบับไม่เป็นทางการ)

ข้าพเจ้ามีความปลื้มปิติยินดี ที่ได้มาพบท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง เนื่องในโอกาสวันเกิดของข้าพเจ้า ซึ่งปีนี้ก็อายุ ๖๙ เต็มแล้ว แต่ใครๆ ก็บอกว่ายังแอคทีฟอยู่ ปีนี้ทราบว่ามีผู้มาชุมนุมกันที่นี่ถึง ๔๕๘ คณะ มีทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ผู้แทนสถาบันการศึกษา สภาสมาคม ชมรม องค์กร สโมสร มูลนิธิ สมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ ลูกเสือชาวบ้าน พ่อค้าประชาชนทุกหมู่เหล่า รวมเป็นจำนวนเกือบ ๒๐,๐๐๐ คน ซึ่งทำให้บริเวณศาลาดุสิดาลัย อบอุ่นไปด้วยไมตรีจิต จากท่านทั้งหลาย

และการมาของท่าน เพื่ออวยพรให้ข้าพเจ้าครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุด ในชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่ได้กล่าวอวยพรข้าพเจ้า ในนามของปวงชนชาวไทย พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบว่า ทางรัฐบาลจะดำเนินโครงการต่างๆ สืบเนื่องจากที่ข้าพเจ้าได้เคยปรารภหรือมีดำริไว้

โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอฝากขอบคุณไปยังประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ที่ได้บำเพ็ญกุศล บำเพ็ญประโยชน์ ประกอบคุณงามความดี ตลอดจนผู้ที่อวยชัยให้พรข้าพเจ้า เนื่องในโอกาสวันเกิด ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้ง และมีกำลังใจอย่างยิ่ง ในการที่จะทำงานรับใช้ประเทศชาติต่อไป

การที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้แทนพระองค์ ไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ถึง ๓๑ ตุลาคม ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับ อย่างอบอุ่น อย่างดีเหลือเกิน จากประธานาธิบดีเจียง เจ๋อ หมิน จากท่านรองประธานาธิบดีหู จิน เต่า ทางรัฐบาลจีนให้การต้อนรับดีมากทุกเมือง และยังจัดมาดาม เฉียน เจิ้ง อิง ซึ่งเป็นรองประธานสภาที่ปรึกษา การเงินแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน มาดูแลข้าพเจ้าตลอดการเดินทาง ทำให้การเดินทาง ๑๖ วัน ในประเทศจีน เป็นการเดินทางที่มีความสนุก และมีความรู้สึกว่าอบอุ่น เพราะว่าทั้งรัฐบาลจีน ประชาชนจีน ทั้งเพื่อนจีนของข้าพเจ้า ดูแลเหมือนกับว่าอยู่ในครอบครัว ไม่ได้ดูแลอย่างดูแลแขกเมือง หรืออะไรอย่างนั้น ให้เกียรติและให้ความอบอุ่นเป็นอย่างมาก ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นตาตื่นใจ เพราะว่าไม่เคยไปเมืองจีนมาก่อน

ครั้งแรกที่ได้เห็นนครปักกิ่ง รู้สึกสวยงาม สง่ามาก และก็ตามถนนหนทางต่างๆ เขาปลูกต้นไม้ใหญ่ สวยๆ ร่มรื่นไปหมด ถึงแม้เขาจะเป็นประเทศเมืองหนาว แต่ว่าปลูกต้นไม้เต็มไปหมด ทำให้ทางเดินต่างๆ แม้แต่ถนนอเวนิว หรืออะไรนี่ ร่มรื่นไปหมด

แล้วก็ข้าพเจ้ายังตื่นตาตื่นใจ กับสวนสนามที่ลานหน้ามหาศาลาประชาชน เห็น รู้สึกว่างดงามสง่ามาก ข้าพเจ้าก็บอกตามตรงว่า ทหารจีนสวนสนามงดงามเหลือเกิน คือว่าจะเป็นจังหวะพร้อมกันหมด แม้กระทั่งหน้า และมุมของศีรษะที่หัน เหมือนกันหมดเลย สง่างามมาก แล้วท่านประธานาธิบดี ก็เป็นกันเอง เหมือนอย่างที่ท่านมาที่เมืองไทย ท่านก็พูดภาษาอังกฤษ กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แทนที่จะต้องใช้ล่ามตลอดเวลา ก็ปรากฏว่าท่านพูดได้ดี ก็เลยรู้สึกสนิทสนมกัน

ท่านประธานาธิบดีเลี้ยงอาหารค่ำ แล้วก็ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า เดี๋ยวจะขอให้ควีน เล่นเปียโนนะให้ฟัง แล้วฉันถึงจะร้องเพลงให้ฟัง แลกเปลี่ยนกัน ข้าพเจ้าบอกขอที ขออย่าให้ข้าพเจ้าเล่นเปียโนเลย เพราะว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาซ้อมมือแล้ว นานนานจะมีเวลาซ้อมสักที นิ้วก็ตะกุกตะกัก แล้วก็เล่นก็จำไม่ได้ จำไม่ได้ ได้ครึ่งเพลงอะไรอย่างนี้ ท่านประธานาธิบดีบอก ก็เล่นแบบครึ่งเพลงนั้นเถอะ ไม่เป็นไรหรอก

ข้าพเจ้าก็เลยต้องเล่นครึ่งเพลง และเสร็จแล้วท่านประธานาธิบดี ก็ร้องเพลงแลกเปลี่ยนกัน ร้องเพลง แหมท่านร้องเพราะมาก เพราะมากทีเดียว มีเสียงที่เพราะ ข้าพเจ้าก็รู้สึกปลาบปลื้ม ที่ท่านให้ความเป็นกันเอง และก็เพื่อนคนจีนก็บอกว่า ท่านเป็นกันเอง และสนุกสนานมากค่ำนี้ และทุก ๆ เมืองที่ไปเยี่ยม ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ได้รับความรู้มากมาย ได้ไปที่กำแพงเมืองจีน ที่นครซีอาน เห็นพิธีต้อนรับที่ประตูเมือง ที่เป็นเมืองหลวงเก่า งดงามเหลือเกิน เขาต้อนรับอย่างใหญ่โต ไม่นึกเลยว่าเขาจะต้อนรับขนาดนี้

ข้าพเจ้าได้นำผ้าไหมไทยนานาชนิด และผ้าชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ฝีมือสมาชิกศิลปาชีพของเรา ซึ่งบัดนี้ มีสมาชิกแสนกว่าคนแล้ว ทั่วประเทศไทย โดยขอให้นักออกแบบไทย ที่มีชื่อเสียง ออกแบบ และข้าพเจ้าได้นำไปแสดง ในงานเลี้ยงตอบแทน ที่กรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้ ผู้คนชื่นชมมากเลย และก็ที่ข้าพเจ้าเองปลื้มปีติเหลือเกิน เพราะว่าได้รับความช่วยเหลือ ร่วมมือทุกประการ จากดาราไทย และนักแสดงต่าง ๆ และก็นางแบบที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ของไทย ก็ตกลงตามคำชวนของข้าพเจ้า ว่าจะไปเดินแบบเสื้อด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนชาวจีน ได้เห็นถึงความสามารถของคนไทย ที่ติดตามแบบต่าง ๆ ของโลก โดยใช้ผ้าไทยทุกอย่าง ทุกคนก็ยินดีไปด้วย

ก็ได้รับงาน คืนนั้นเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก เนื่องจากข้าพเจ้าทราบว่า มีการเชิดสิงโตสมัยโบราณ ที่เมืองจีน เขานิยมเชิดสิงโต ทีนี้ อาจารย์สมิทธิ ศิริภัทร์ อาจารย์ประจำคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็แนะข้าพเจ้าว่า การเสด็จไปครั้งนี้ ลองทรงเชิญพญานาคของเราไป เรียกว่าเชิดบ้าง แต่เราจะเรียกซะว่าชักนาค แหมพญานาคสวยมาก สวยงามมาก ตัวใหญ่เบ้อเร่อ และสีแดงฉาน เราก็มีผู้เชี่ยวชาญจากศิลปากร มาช่วยกันเชิดหรือว่าชักนาค งดงามสง่าที่สุด ใช้ตอนเทวดา และอสูรช่วยกันชักนาค กวนเกษียรสมุทร เพื่อทำน้ำอมฤต

ข้าพเจ้าทราบจากอาจารย์สมิทธิ ว่าการชักนาคดึกดำบรรพ์นี้ ทราบว่ามีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่มีการแสดงต่อมาช้านานแล้ว คราวนี้เราได้ตัดตอนมาแสดงใหม่ ทำให้ทันสมัย ซึ่งทางจีนชอบมาก ตอนนั้นอาจารย์สมิทธิ ศิริภัทร์ ท่านเป็นพระภิกษุ บวชอยู่ที่ราชบุรี ข้าพเจ้าก็ยอมบาป ต้องกวนท่าน กวนขอให้ช่วยในการวางแผน ที่จะไปที่เมืองจีน จะแสดงอะไร ถึงจะนำชื่อเสียงมาสู่เมืองไทย ก็อย่างการชักนาคนี่ และก็มีการแสดง ประกอบเพลงลาวดวงเดือน อธิบายว่า นี่เป็นพระราชโอรส ของพระพุทธเจ้าหลวง ที่ทรงใช้ไปสนับสนุนประชาชน ให้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมากขึ้น ที่จังหวัดสุรินทร์ และบุรีรัมย์ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้าไหม และก็ทราบว่าต้องเสด็จฯ โดยทางเกวียน

แต่ก่อนนี้เพลงลาวดวงเดือนก็ชื่อว่า ลาวดำเนินเกวียน สมัยใหม่เราก็มาเรียกว่า ลาวดวงเดือน ผู้ที่แต่งเพลงที่แสนเพราะก็คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนศักดิ์ กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม ท่านแต่งเพราะ ไม่ว่าชาติไหน พอได้ยินเพลงนี้เข้า เขาก็มีคำแปลภาษาอังกฤษ ให้ดูว่าคำนี้หมายถึงอย่างนั้น อย่างนั้น ก็จะได้รับคำชมตลอดเวลาว่า เพราะเหลือเกินเพลงไทย

ข้าพเจ้าลืมบอกไปว่า การที่ข้าพเจ้าได้ไปเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับความช่วยเหลือมากมาย เช่น ทางจีนได้ให้หมูพันธุ์ใหม่ เรียกว่า พันธุ์จินหัว ซึ่งเป็นหมูสายพันธุ์ที่ คนจีนหวงมาก เขาใช้ตัวไม่ใหญ่นัก ตัวยาวๆ เขาใช้ทำเป็นแฮม เวลาทำแฮม แล้วอร่อยมาก หอม เป็นสิ่งพิเศษ แต่รัฐบาลจีนก็ให้กับข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าก็มอบให้กับ ทางด้านกรมปศุสัตว์ และตอนหลังก็มอบ เป็ดพันธุ์อี้เหลียง ซึ่งทางจีนบอกว่า เป็ดอี้เหลียงเป็นเป็ดที่พิเศษ และคนรวยขึ้นมามาก จากการเลี้ยงเป็ดนี้ เพราะเลี้ยงแค่ ๔๐ วัน แล้วก็รับประทานได้เลย ระยะเวลาสั้น แล้วเนื้ออร่อยมาก เห็นว่าอย่างนั้น แต่ข้าพเจ้ายังไม่กล้าลองเลย สงสารเป็ด หมูก็ไม่ยอมลอง เนื้อแน่นและหนังกรอบบาง

แล้วเนื่องในโอกาสวันเกิดปีนี้ ข้าพเจ้าทราบว่า ทางรัฐบาลจีนจะส่งพันธุ์ห่านหัวสิงโต ที่เป็นห่านพิเศษ ตัวใหญ่เบ้อเร่อเชียว และเนื้ออร่อยอีก ยังไม่เคยมีที่ประเทศไหน พันธุ์ห่านหัวสิงโต และส่งพันธุ์แพะนมที่ดีมาให้อีก นี่กำลังคอยอยู่ ห่านหัวสิงโตเขาว่าโตเร็ว และกินวัชพืชเป็นอาหาร และทางจีนเขาใช้ทำลายวัชพืช ที่เขาไม่ต้องการ และจะเป็นอาหารเสริมโปรตีน ให้แก่ชาวบ้านของเราได้ ส่วนแพะนมก็เป็นพันธุ์ที่ต้านทานโรคได้ดี ทางจีนคิดว่า น่าจะเลี้ยงได้ดีในประเทศไทย หมูพันธุ์จินหัว เมื่อปี ๔๒ ได้มา ๔ ตัว เดี๋ยวนี้ทางกรมปศุสัตว์ ได้ขยายพันธุ์เพิ่มให้เป็น ๑๙๓ ตัว และจะแจกประชาชนในโอกาสต่อไป

เป็ดพันธุ์อี้เหลียง เมื่อได้รับมอบมา ๖๕ ตัว ขณะนี้ขยายพันธุ์เป็น ๔๖๖ ตัว ที่ข้าพเจ้าคิดตั้งฟาร์มตัวอย่างขึ้นใหม่ ก็ใช้เงินศิลปาชีพ ที่ท่านทั้งหลายทั่วประเทศไทย ช่วยอุดหนุน ส่งเงินมาเข้าสมทบทุนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ข้าพเจ้าก็ซื้อที่ดินจำนวนหนึ่ง บนเขาที่เชียงใหม่ ที่มีชาวเขาที่ยากจนมากมาย และเขาก็เสพฝิ่นอยู่ แต่ว่าอาหารการกินเขาก็แย่ เขาก็มาพูดกับข้าพเจ้าว่า ถ้าแม่หางานให้หมู่เฮาได้ หมู่เฮาก็จะฟันทิ้งหมดเลย พวกฝิ่นอะไรนี่ จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ขอให้แม่หางานทำ

ข้าพเจ้าคิดกราบบังคมทูลปรึกษา ว่าจะทำอย่างไร ถึงจะเพิ่มงานให้กับคนเหล่านี้ ก็เลยคิดเอาเงินของ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ซื้อที่ดินทำฟาร์มตัวอย่าง ก็เลยได้อาศัยหมูจินหัว เป็ดอี้เหลียง ขึ้นไปเลี้ยง และทดลองเลี้ยงหลายพันธุ์ หลายชนิด และจ้างชาวบ้าน ใจความสำคัญคือว่าฟาร์มนี้ เป็นฟาร์มตัวอย่าง จะเป็นที่ที่ให้งาน กับชาวบ้านที่ยากจน เป็นจำนวนมาก ตอนนี้ก็มีคนงานทำงานอยู่ ๒๐๐ กว่าคนต่อจุดหนึ่ง และซื้อประมาณ ๒ ฟาร์ม เพื่อจะให้คนที่ไม่มีงานทำ กลับเป็นคนที่มีงานทำ แล้วระหว่างที่เขามารับจ้างเรา เขาเลยเห็น วิธีการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ เขาก็จดจำ กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ ในการเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ ต่อไป ก็จะเป็นการง่าย ที่จะได้รับพระราชทานความช่วยเหลือ ก็เป็นไปด้วยดี

ตอนนี้ทางนราธิวาส ก็อยากได้ฟาร์มตัวอย่างบ้าง ข้าพเจ้าก็เอาเงินศิลปาชีพ ของท่านทั้งหลาย ซื้อที่ดินและทำอีก ตกลงเวลานี้มี ๓ แห่งใหญ่ๆ เลี้ยงสัตว์ใหญ่ๆ ที่จะเป็นแหล่งอาหาร สำหรับคนไทยต่อไป เพราะข้าพเจ้าได้ทราบ จากเพื่อนที่ทำงานที่ยูไนเต็ด เนชั่น เอฟเอโอ บอกว่า ต่อไปนี้ถ้าเราไม่ระวังกัน ประชากรโลกเกิดมาก แต่อาหารจะมีจำกัด เพราะฉะนั้น ถ้าประเทศไหน มีความเป็นอยู่ดีหน่อย ก็ขอให้ช่วยกัน มีโครงการเกี่ยวกับ เสริมเพิ่มอาหารขึ้น

ข้าพเจ้าก็คิดว่า ทำฟาร์มเพาะพันธุ์สัตว์ต่างๆ นี่สำคัญ ลองดูว่าเราจะเลี้ยงอะไรได้ดี และในเวลาเดียวกัน ก็ฝึกหัดชาวเขา ชาวบ้านต่างๆ อย่างชาวบ้านนราธิวาส ชาวไทยอิสลาม ก็จะเข้ามาฝึกการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ก็นับว่าเป็นไปด้วยดีมาก ก็เลยขอขอบพระคุณท่านทั้งหลาย ที่สนับสนุน ให้ข้าพเจ้ามีหนทางช่วยชาวบ้าน เพราะเวลาที่ไปเยี่ยมเขา และเขามาปรับทุกข์ว่า แม่ หมู่เฮาจนเหลือเกิน แล้วจะทำยังไง จะทำมาหากินอย่างไร และสามารถได้เงินนี้ ไปซื้อที่ดิน และทำฟาร์ม และพอเริ่มทำฟาร์ม ก็ได้รับความช่วยเหลือมากมาย จากราชการ จากหน่วยราชการต่างๆ ของรัฐบาล

ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ก็มาไม่ได้หยุดเลย มาคอยดูฟาร์มเหล่านี้ และลองทดลองดูว่า จะเหมาะกับชาวบ้านที่ไหน อย่างไรบ้าง ในการเลี้ยง และข้าพเจ้าก็ยังได้รับ ความช่วยเหลืออย่างมาก จากกรมป่าไม้ อธิบดีกรมป่าไม้ และกรมป่าไม้ โดยที่ข้าพเจ้านึกฝันเสมอว่า จะทำอย่างไร ถึงจะทำแบบพระพุทธเจ้าหลวงได้ ที่ท่านช่วยทำให้เป็นป่า ป่าสำหรับประชาชนอาศัยอยู่ได้ ไม่ต้องให้คนกับป่านี่ทะเลาะกัน ถ้าแม้มีป่า ก็ต้องไล่คนออก พระเจ้าอยู่หัวท่านรับสั่งว่า ไม่ต้องควรเป็นอย่างนี้เลย ซึ่งตอนนี้ก็เห็นทางสำเร็จแล้ว โดยที่ทางกรมป่าไม้ ได้สละพื้นที่ป่าไม้ ที่ไม่มีอะไรเลย แปลว่าว่างเปล่าไป ไม้โดนตัดไปหมดแล้ว ให้ข้าพเจ้าทำหมู่บ้านในป่านั้น ซึ่งบัดนี้ ก็ทำสำเร็จมาสามแห่งแล้ว

แล้วก็ได้จัดประชาชน ที่ยากไร้ ที่ไม่มีที่อยู่ เข้าไปอยู่ในหมู่บ้านเหล่านั้นหมดแล้ว เรียกกันว่า บ้านเล็กในป่าใหญ่ เพราะตกลงกับเขาก่อนแล้วว่า จะไม่มีการถางป่า หรือบุกรุกป่าเข้าไปอีก ถ้าอยากจะอยู่กับข้าพเจ้า ในโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ จะต้องหยุด ชาวบ้านแถวนี้ จะต้องเป็นผู้สนับสนุน ทำนุบำรุงดูแลป่าไปในตัว เขาก็สาบาน ตกลงก็เลยจัดเขา ให้อยู่ในหมู่บ้านต่างๆ ทางเหนือ และทางใต้ ทางอีสานยังทำไม่ถึง แล้วผู้เชี่ยวชาญของทางรัฐบาล ก็ได้ผลัดกันมาสอน ให้ทำนาแบบขั้นบันได แล้วก็ปลูกพืชผักสวนครัว และไม้ผลแบบเกษตรผสมผสาน แล้วก็ลองปลูกพืชเมืองหนาว เพราะว่าอยู่ในพื้นที่สูง ได้รับการช่วยเหลือ และเห็นผลสำเร็จปีเดียว แหมอย่างกับเนรมิต

เพราะเมืองไทยเรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า นักวิชาการมีมาก แล้วก็เก่งมาก เพราะฉะนั้น ให้เขาช่วยเถอะ บ้านเมืองเรา ก็จะลดความยากจน ผลักความยากจนออกไป ให้ไกลออกไปอีก เราปลูกพืชได้ผลดี พลับ แมคคาเดเนียนัท และก็มีการเลี้ยงสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ หมู แกะ และปลา แล้วทุกแห่งก็จะโปรดเกล้าฯ ให้มีธนาคารข้าว เพื่อจะให้เขามั่นใจ ว่าถึงแม้เขาจะปลูกข้าวไม่ได้ แต่เขามายืมได้ ในปีที่เขาขัดสน ยืมข้าวได้ที่ธนาคารข้าว และทางศิลปาชีพ ก็สอนคนในหมู่บ้านนั้น ให้ทำเครื่องเงิน ซึ่งชาวเขาชำนาญอยู่แล้ว ในการทำเครื่องเงิน แล้วก็ปักผ้า ซึ่งชาวภาคใต้ ปักผ้าเก่งเหลือเกิน รายละเอียด แหมเก่งเหลือเกิน แล้วก็สอนให้ปลูกไม้โตเร็ว ไว้ทำฟืน จะได้ไม่ต้องไปบุกตะลุย ไปตัดไม้ในป่า แล้วก็ใช้ประปาภูเขา ซึ่งทางการเขาสอนชาวบ้าน ให้ใช้มานานแล้ว

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ก็มีบ้านห้วยไทร อยู่ที่ตำบลป่าแดด อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย รายแรกนี่ก็อยู่ พันเมตรจากระดับน้ำทะเล ทางรถยนต์ก็ไม่มีเข้าถึงหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นทางแคบ เลาะไปตามไหล่เขา ก็ใช้มอเตอร์ขาเอา ขืนขับรถยนต์ รู้สึกจะตกเขาง่ายๆ แล้วก็ยิ่งหน้าฝน ยิ่งเดินทางลำบากมาก แต่ข้าพเจ้าก็เตรียมพร้อมให้เขา ว่าใครจะอาสาไปอยู่ที่นี่ จะสะดวกสบายทุกอย่าง นอกจากการเข้าออก ไปในเมืองเท่านั้นเอง

ทางกองทัพก็ดีเหลือเกิน มีทหารคอยช่วยสนับสนุนดูแล ถ้าใครเจ็บป่วยมา เจ็บป่วยกะทันหัน ต้องการผ่าตัด หรือจะเป็นไส้ติ่ง หรืออะไรอย่างนั้น ทางทหารนี่เขาจะมีวิทยุติดต่อ แล้วก็ทางรถของทหาร ก็จะขึ้นมารับได้ ก็ทำให้ชาวบ้านอบอุ่น ซาบซึ้งมาก แล้วก็พวกที่ไปอยู่ ๒๓ ครอบครัว ที่อำเภอแม่สรวย ตำบลป่าแดด จำนวน ๒๓ ครอบครัว เป็นชาวเผ่าอาข่า เขาไม่เคยมีที่ทำกินเลย เขาบอกเขาเห็นที่ไหน ที่ดูถ้าดี เขาก็แผ้วถาง แล้วก็ตั้งหมู่บ้าน เพราะว่าดินมันจืดแล้ว เขาเคลื่อนย้ายตลอดไป แต่พอเขาทราบว่า ข้าพเจ้าประกาศว่า ใครจะอยากให้ช่วยเหลือ ในการตั้งหมู่บ้านก็ขอให้บอกมา ชาวเขาเผ่าอาข่า เขาก็อาสาสมัครมา ๒๓ ครอบครัว นี่อยู่มาได้เกือบ ๓ ปีแล้ว และมีความสุข มีความเจริญ เพราะว่าบรรดาข้าราชการไปดูแล เจริญอย่างรวดเร็วมาก และเขาบอกเดี๋ยวนี้ เขามีกิน ๓ มื้อ ร่างกายแข็งแรง ลูกเต้าแข็งแรง ได้ไปโรงเรียนเสมอ

อีกแห่ง โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยผ้าห่มปก อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ทางป่าไม้ก็ช่วยข้าพเจ้า หาที่ให้ เพราะว่าที่นี่สูง ๑,๕๐๐ เมตร ถึง ๑,๗๐๐ เมตร จากระดับน้ำทะเล มีทางรถยนต์เข้าถึง แต่เป็นทางแคบ หน้าฝนก็จะลำบาก พวกเราศิลปาชีพ ก็ไปสร้างบ้านให้เขา สร้างหมู่บ้าน แล้วก็ให้เขาอาสา ก็มีชาวไทยภูเขา ๔ เผ่า ที่อาสา พวกอาข่า มูเซอ ลีซอ และกะเหรี่ยง เขาตกลงสาบานกันว่า จะพยายามอยู่ร่วมกันทุกเผ่า โดยที่ไม่มีการแบ่งแยก หรือทะเลาะเบาะแว้ง เป็น ๒๐ ครอบครัว ข้าพเจ้าไปเยี่ยม เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๔๔ เขาอยู่ด้วยความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส ก็คิดว่าต่อไปก็ จะขอความร่วมมือ จากกรมป่าไม้ อธิปดีกรมป่าไม้ ได้เห็นชัดเชียวว่า ชาวบ้านเริ่มอยู่เป็นที่เป็นทางแล้ว ทางข้าราชการได้มาช่วยเหลือ ทางนักวิชาการ ให้ปลูกต้นอะไร ต่ออะไรบ้าง เขาขยันขันแข็ง และมีความสุข

ข้าพเจ้าคิดว่า ทุกคนเราทราบว่า พลเมืองของเราเพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้น เราต้องพยายามสุดกำลัง ที่จะให้บ้านเมืองนี้ แผ่นดินทองนี้ เป็นแหล่งผลิตอาหาร ที่สมบูรณ์ตลอดไป เพราะที่แล้วที่เราทำมา ดีมาก เราปลูกข้าว จนข้าพเจ้าไปไหน ต่างประเทศเขาจะพูดว่า เมืองไทยนี่ส่งเสริมโลก ด้วยการปลูกข้าวเพียงพอ เลี้ยงคนไทยเพียงพอ มิหนำซ้ำยังส่งออกต่างประเทศได้อีก เพราะว่าถ้าบนโลกเรามีประเทศอย่างนี้ โลกเราก็คงจะมั่นคงเจริญ ก็นับว่าเมืองไทยเรา ก็ยังเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกอีกด้วย

ทีนี้มีอีกเรื่องหนึ่ง อยากจะขอให้ท่านทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าถือว่าเป็นเพื่อน ช่วยกัน ช่วยข้าพเจ้าทำงานให้ลุล่วง คือ เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าพเจ้าตามเสด็จฯ ไปพักอยู่ที่หัวหิน ข้าพเจ้าก็นั่งเรือเร็วจากหัวหิน และไปถึงประจวบคีรีขันธ์ เห็นเกาะแก่งที่ไหนสวย ก็ขึ้นเกาะเล็กเกาะน้อย ก็แวะขึ้นไปดู สวยงามมาก แต่ว่าเต็มไปด้วยขยะ เลอะเทอะเต็มไปหมด หาดทรายนี้เต็มไปด้วยขยะ ถุงพลาสติก และขวด กระป๋องอะไรต่างๆ นานาประการ ดูแล้วเศร้าใจ

คิดว่าต่อไปนี้ เราน่าจะมีโครงการ พูดกันระหว่างคนไทยด้วยกันว่า ให้คนไทยด้วยกันรู้ว่า แผ่นดินนี้ แผ่นดินทองนี้ มีคุณค่า มีพระคุณมหาศาล ที่เราได้อยู่ในแผ่นดินนี้ ความอดอยากหรือก็น้อย มีแต่ประโยชน์ มีทรัพย์ในดิน สินในน้ำ มีทั้งทะเล มีทั้งภูเขา มีทั้งป่าไม้ ซึ่งเราก็ตัดทำลายไม่ได้หยุด มีข้าว ข้าวปลาอาหาร มีป่าไม้ชายเลน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สอนข้าพเจ้าว่า ป่าไม้ชายเลนนี่สำคัญที่สุด เพราะเป็นที่ๆ เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เพราะพวกเราเอง ก็รับประทานปลา รับประทานปู กุ้งกันเยอะแยะ เพราะฉะนั้นป่าชายเลนนี่สำคัญ ในการที่จะรักษาเอาไว้ เพื่อรักษาพันธุ์ปลา พันธุ์กุ้ง ปู ปลา ให้มีมากเหมือนแต่เก่าก่อน

ขณะนี้ป่าชายเลน ถูกทำลายมากมายก่ายกอง เราก็น่าจะสอนลูกหลานเรา ให้รู้ถึงคุณค่าของป่าชายเลน ที่มีประโยชน์ ต่อคนไทยทุกคน ในแผ่นดินนี้ด้วย ที่ช่วยเก็บรักษาอาหาร เช่น พืช พันธุ์ปลาต่างๆ ที่ข้าพเจ้าคิดเอาเองว่า พวกเรานี่รู้สึก ยังรักแผ่นดินนี้น้อยไป ไม่สมกับที่เราได้ประโยชน์มากมาย จากผืนแผ่นดินนี้ พวกเรายังรู้จักคุณค่าของแผ่นดินนี้น้อยไป ไม่รู้จักถนอม ไม่รู้จักดูแล ให้เป็นแผ่นดิน ที่เป็นดินทองตลอด มีทรัพยากร มีอาหาร สำหรับเลี้ยงคนไทยตลอดไป โดยไม่กลายเป็นบ้านเมือง ที่อดอยากแห้งแล้ง

เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้า ก็ขอท่านทั้งหลาย ช่วยข้าพเจ้า ช่วยดูแล อธิบายให้ทราบว่า ป่าก็คือ น้ำที่จะเพิ่มขึ้น ป่าชายเลนก็คือ ที่เราจะมีปลา มีพันธุ์ปลา พันธุ์กุ้ง พันธุ์ปู พันธุ์หอย มากอย่างเดิม เราก็ควรที่จะตั้งจิตมั่นร่วมกัน ว่าพวกเราจะไม่มีวันทำร้าย และทำลายผืนแผ่นดินนี้ เราจะรัก และทะนุถนอมเมืองไทยของเราไว้ ก่อนที่จะสายเกินไป ก่อนที่อะไรต่ออะไรจะหมด ขึ้นเกาะก็ทิ้งของ เต็มไปหมด จนกระทั่งคิดว่าพวกหอย พวกปู พวกอะไร ก็คงอยู่ไม่ได้ เพราะพลาสติกเยอะแยะ ปิดอะไรต่ออะไรหมด

สมัยโบราณ พวกเรา คนสมัยคนโบราณ มักจะฟังผู้ใหญ่ เล่านิทาน สอนคติ สอนใจ ให้ทำดี แต่สมัยนี้ คนฉลาดเกินไป ไม่ฟังแล้ว นิยายที่แฝงคติ ไม่เอาแล้ว คนไทยสมัยนี้ ข้าพเจ้าคิดว่า เลยเป็นคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็เลยกลายเป็นคน เอารัดเอาเปรียบมากขึ้น กลายเป็นคนที่เรียกว่า มือใครยาวสาวได้สาวเอา ต่างคนต่างนึกถึง ประโยชน์ของตัวเอง อันนี้ก็ต้องขอให้พวกท่าน ทั้งหลาย ช่วยกันเปลี่ยนค่านิยมเหล่านี้ ให้ทราบว่า ถ้ามือใครยาวสาวได้สาวเอา ในที่สุด ก็คงจะแย่กันหมด

และจะพูดถึงธรรมเนียม ประเพณีไทยโบราณ เช่น การลอยกระทง แต่ก่อนนี้คนไทยจะเชื่อว่า การลอยกระทงในวัน ๑๕ ค่ำ เป็นพิธี เพื่อลอยกระทง ไปเพื่อบูชาองค์พระอรหันต์ สัมมาสัมพุทธเจ้า และก็เพื่อขอบคุณพระแม่คงคา ที่เราได้อาศัยน้ำ ลำน้ำต่างๆ มากมาย อาบน้ำ ซักผ้า อะไรทุกอย่างใช้น้ำ ก็คล้ายๆ ว่าขอขมา ที่เคยทิ้งสิ่งปฏิกูล ลงไปในน้ำ แล้วก็เพื่อลอยเคราะห์ ลอยโศกด้วย ได้หลายอย่าง แล้วก็เป็นพิธีที่ชาวต่างประเทศ เพื่อนข้าพเจ้าว่า สวยงามเหลือกำลัง สวยงามมาก

แต่สมัยนี้ พอปล่อยลอยกันไม่เท่าไหร่เดี๋ยวเดียวกระทงคว่ำหงายกันหมด เค้เก้กันหมด เพราะทุกคนจะตูมตาม มาดักตะปบกระทง แล้วก็หยิบเอาเงินไป จากกระทงทันที ซึ่งข้าพเจ้าก็คิดว่า ไม่เป็นมงคลแก่ผู้นั้นเลย ที่ทำอย่างนั้น เพราะทุกคนเขาประดิษฐ์ งดงาม สวยงาม แล้วก็เขาก็อธิษฐาน ที่เขาลอยกระทงไป ก็น่าจะสอนกันว่า สักพักหนึ่งสิ ให้กระทงได้ลอยงดงาม และค่อยตะปบเอาทีหลัง

วันนี้ประชาชนฟัง บอกแหม ท่านแก่จริงนะ พักนี้ชักบ่น ขอให้ทุกคนช่วยกัน ช่วยข้าพเจ้าให้ ตอน ๗๐ นี่ ยิ้มได้ เพราะว่าสมความปรารถนาหลายอย่าง ในที่สุดนี้ข้าพเจ้าขออวยพร ให้ทุกท่าน ที่มาชุมนุม อยู่ ณ ที่นี้ รวมทั้งประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ จงมีความสุข ความเจริญ และรักษาสุขภาพได้ดี ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ขอให้ทุกครอบครัว ผ่านพ้นอุปสรรคน้อยใหญ่ ทุกประการไปด้วยดี ขอให้ทุกๆ คน มีกำลังใจ ประสานสามัคคี ในการร่วมกัน ทำนุบำรุง ประเทศชาติของเรา ที่รักของเรา ให้มีความรุ่งเรือง มั่นคงสถาพร ตลอดไป ขอบคุณ

กลับสู่ หน้าดัชนีพระราชดำรัส


สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๔๒ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗
ห้ามนำข้อมูลของเครือข่ายนี้ ไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร